โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้าคดีบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป หลังได้รับสำนวนคดีจากคณะทำงานพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มีความเห็นดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 16 คน
โดย นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ได้พิจารณาสำนวนและจากพยานหลักฐานทั้งหมด มีความเห็นสั่งฟ้อง บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป , นายวรัตน์พล หรือ พอล ,นาย กันต์ กันตถาวร และผู้ต้องหาคนอื่น ๆ อีก 14 คน ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน / ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ / ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน / ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรง โดยไม่ได้รับอนุญาต และ ข้อหา ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลอื่นเข้าร่วมเครือข่ายในการประกอบธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทน จากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งคำนวณ จากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยฝ่าฝืนกฎหมาย รวม 5 ข้อหา
ส่วนแซม ยุรนันท์ และ มิน พีชญา อัยการสำนักงานคดีพิเศษมีความเห็นไม่สั่งฟ้อง เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานพอที่จะรับฟังได้ว่าร่วมกระทำความผิด
นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ ที่ปรึกษาโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเปิดเผยว่า ขั้นตอนในการปล่อยตัว ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษได้ดำเนินการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนต่อศาลอาญา และ ส่งสำนวนความเห็นคำสั่งไม่ฟ้องดังกล่าวไปให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งในคำสั่งไม่ฟ้องหรือไม่
ส่วนที่ก่อนหน้านี้ทนายความของผู้ต้องหาและฝั่งผู้เสียหาย ได้ร้องขอความเป็นธรรมทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นอัยการมานั้น ทางอัยการสำนักงานคดีพิเศษได้ตรวจสอบคำร้องของทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว โดยได้มีการสั่งสอบพยานเพิ่มเติม พบว่าคดีนี้มีพยานหลักฐานเพียงพอที่อัยการจะสามารถมีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องได้แล้ว ทั้งนี้หาก มีผู้ต้องการจะร้องขอความเป็นธรรมหรือคิดว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรม ควรนำข้อร้องขอความเป็นธรรมเหล่านี้ไปเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาล
สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกสั่งฟ้อง 16 คน ในวันพรุ่งนี้(9ม.ค.2568) เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์จะนำตัวออกมาจากเรือนจำ เดินทางไปศาลอาญาเพื่อ ฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องคดีดังกล่าวหรือไม่
ภาพ : minpechaya