ชมพู ฟรุตตี้ ลุยสนามผลิตซีรีส์วาย หวังทำผสมงานดนตรี เผยอดีตเคยถูกจับจิ้นผู้ชาย

หันมาจับอุตสาหกรรมซีรีส์วายแล้ว สำหรับนักร้องมากความสามารถ “ชมพู ฟรุตตี้” ที่ก่อนหน้านี้เปิดตัวค่ายคลาสรูมทาเลนต์ประเดิมโปรเจกต์แรกโดยการทำซีรีส์ Boy love โดยเจ้าตัวเล่าว่าจริง ๆ เป็นการทำซีรีส์ที่ผสมผสานกับงานดนตรีไปด้วย เป็นการหานักแสดงหาดาวดวงใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนความฝันให้กับคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่เพียงแค่อาชีพนักแสดงหรือนักร้อง ยังรวมไปถึงอินฟลูเอนเซอร์หรือการทำคอนเทนต์ต่าง ๆ โดยครั้งนี้ก็ได้ลงมาเรียนรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมสายวายครั้งแรกเป็นการทำซีรีส์ หลายคนมองว่าจับกระแสวายมาขายหรือไม่ สำหรับตนมองว่าไม่ได้จับกระแสวายแต่จะชูความเป็นดนตรีมากกว่าในซีรีส์ของตน ส่วนเรื่องวายในเรื่องก็ถือเป็นเรื่องรองก็เป็นเหมือนผลพลอยได้ไปด้วย ไม่ได้จำกัดว่าความรักต้องเป็นเพศไหนเพราะเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ


สำหรับตนสมัยก่อนก็เคยโดนจับจิ้นกับผู้ชายเหมือนกัน และคนรอบกายก็มีเพศที่สามอยู่เยอะมาก ก็มีความเข้าใจในระดับหนึ่งและที่ตัดสินใจลงมาทำด้านนี้เพราะอยากมีความเข้าใจด้านนี้มากยิ่งขึ้น จริง ๆ แล้ววายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่มีอะไรที่ลึกซึ้งไหมก็จำเป็นต้องไปศึกษาให้มากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันแกนของเรื่องก็เป็นเรื่องดนตรีที่ตนนั้นชอบมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ในเชิงของการตลาดก็เป็นโอกาสให้ตนได้เติบโตด้านนี้แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นกับดักได้ เพราะไม่ใช่วายทุกเรื่องจะประสบความสำเร็จ แต่เลือกทำเพราะมีหลายสิ่งที่น่าสนใจและมีการบ้านที่จะต้องทำต่อไป และอยากจะทำให้คนที่ไม่ใช่สายวายชอบด้านนี้ไปด้วย

ส่วนค่ายคลาสรูมทาเลนต์ไม่เพียงแค่ผลิตซีรีส์ออกมาให้แฟน ๆ ได้ชมแล้ว เจ้าตัวยังเล่าว่ายังคงเป็นค่ายที่ทำหลายคอนเทนต์ ในอนาคตอาจจะมีวงดนตรี หรือ ทำศิลปินต่าง ๆ ออกมาภายใต้ค่ายนี้เลยจะไม่เปลี่ยนชื่อ มองว่าธุรกิจเพลงตอนนี้ยังไปได้ เพราะคนในยุคตนไม่ได้มีสื่อให้ฟังเยอะในสมัยนี้ ปัจจุบันมีสื่อต่าง ๆ เข้ามามากแต่คนก็ยังเลือกที่จะฟังอยู่ ดังนั้นวงการนี้ก็จะเติบโตขึ้นเสมอ เพราะฉะนั้นการมีบอยแบนด์เกิดขึ้นใหม่ ๆ เป็นเรื่องที่ดี และตลาดเพลงในปัจจุบันของประเทศไทยก็โตขึ้นเรื่อย ๆ การทำค่ายของตนครั้งนี้ก็ต้องเพิ่มเด็ก ๆ ที่มีศักยภาพรุ่นใหม่ ๆ มาช่วยดำเนินการในตรงนี้ โดยตนก็จะเป็นคนที่ถ่ายทอดประสบการณ์ที่เคยผ่านมาให้แต่คงจะไม่ถึงขั้นแต่งเพลงให้เพราะยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว


เรื่องแผนการบริหารค่ายของตนที่ผันตัวมาอยู่เบื้องหลัง เจ้าตัวก็ยืนยันว่ายังไม่ทิ้งงานเบื้องหน้าเพราะยังคงชอบการร้องเพลงอยู่เสมอ ทุกวันนี้ยังวิ่งงานอยู่ทุกวัน อย่างน้อยต้องมีหนึ่งงานในหนึ่งวัน มองว่าการร้องเพลงคือความสุขของตัวเอง ไม่เคยตั้งเป้าว่าจะร้องเพลงถึงอายุเท่าไหร่ ทุกวันนี้ก็ทำงานหนักอยู่ตลอด ถ้าหากมีงานต่างจังหวัดที่ไม่ไกลมากก็จะขับรถไปงานเองตลอด จนครอบครัวก็มีเป็นห่วงบ้าง แต่ทุกอย่างก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่างเส้นเสียงก็จะไม่สูบบุหรี่ดื่มเหล้า หรือแม้แต่ตอนร้องเพลงก็จะพยายามไม่ตะเบ็งเสียงดัง ๆ ร้องเสียงปกติก็จะทำให้เส้นเสียงไม่มีปัญหา ส่วนตัวเป็นคนที่นอนดึก แต่ก็จะพยายามนอนให้เพียงพอ ถ้าวันไหนนอนดึกก็จะตื่นสายหน่อย เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน รวมไปถึงการออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงตลอดเวลาอีกด้วย.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

ภาพ : sudhipong.vatanajang


เข้าชม 46 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม