จากกรณีนางงามมิสแกรนด์ ชาล็อต ออสติน ถูกมิจฉาชีพหลอกเงินไป 4 ล้านบาท และบังคับให้วิดีโอคอลตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งตำรวจทำงานเร็ว 7 วัน สามารถรวบสาวแสบ 1 ในแก๊งมิจฉาชีพแล้ว ภายในบ้านพักแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อ้างว่าถูกเพื่อนสามีชักชวนให้เปิดบัญชีธนาคาร เพื่อรับรายได้พิเศษ โดยมีค่าตอบแทนให้บัญชีละ 3,500 บาท ทั้งนี้ตำรวจพบเส้นทางการเงินที่ ชาล็อต โอนไปจำนวน 4 ล้านบาท ถูกแปลงเป็นเงินดิจิทัลและโอนไปยังบัญชีปลายทางที่มีคนจีนเป็นเจ้าของ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล
ล่าสุดวันนี้ (17 ธ.ค. 67) พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า จากการสืบสวนสอบสวนในขณะนี้ พนักงานสอบสวนเตรียมขอศาลฯ อนุมัติออกหมายจับ ผู้ร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวง ชาล็อต เพิ่มเติมอีกหลายคน โดยพบว่ามีการทำการเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่การทำงานกันชัดเจน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่ามีกี่คนและเป็นบุคคลใดบ้าง
ส่วนนางสาวปาริฉัตร ผู้ต้องหาที่เป็นบัญชีมาแถวแรกของขบวนการนี้ จากการสอบปากคำ พบว่าบุคคลที่มาชักชวนให้ไปเปิดบัญชีแลกกับเงิน 3,500 บาทนั้น เป็นเพื่อนของสามีผู้ต้องหา ซึ่งสอดคล้องกับพยานหลักฐานที่พบในตอนนี้ คือยังไม่มีเส้นเงินจากนางสาวปาริฉัตร โยงไปถึงสามีแต่อย่างใด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้สามีของนางสาวปาริฉัตรไม่ถูกออกมาจับในล็อตแรก .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
ภาพจาก itscharlotty