จากกรณีตำรวจกองปราบ ออกหมายเรียก นาย ธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ หรือ เชน ธนา อดีตนักร้องชื่อดัง และ เจมส์กาลย์กัลยา หรือ เจมส์กณิการ์ ภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์แบรนด์อาหารเสริมชื่อดัง ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โดยอ้างว่า อดีตนักร้องคนดัง สั่งซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากบริษัทมูลค่ากว่า 79 ล้านบาท แต่เมื่อส่งสินค้าไปให้อดีตนักร้องไม่ยอมจ่ายเงินค่าสินค้า อ้างทำผิดสัญญา สินค้าไม่ได้คุณภาพตามที่สั่ง มาเข้าพบเป็นครั้งที่ 2 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฉ้อโกงเงิน 90 ล้านบาท หลังทั้งคู่ทำหนังสือขอเลื่อนกำหนดนัดหมายมาแล้วหลายครั้ง
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้(18 พ.ย.67) บริษัทรับผิดอาหารเสริมซึ่งคู่กรณีของ เชน ธนา และ ภรรยา พร้อมด้วยทนายความเปิดใจผ่านรายการโหนกระแส รู้จัก เชน ธนา ผ่านคอร์สอบรมเรียนที่หนึ่งเมื่อปี 2559 ตนเองทำธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและนำเข้าสินค้าเสริมอาหาร เมื่อปี 2563 คู่กรณีติดต่อมา ตนจึงบอกว่าตนมีสินค้าโพรไบโอติก ซึ่งอีกฝ่ายบอกว่าสนใจติดต่อขอเป็นตัวแทนแต่เพียงผู้เดียวในประเทสไทย โดยมาพร้อมสัญญา ตัวเลข และแผนการตลาดที่เขาจะทำ เขาขายสินค้าทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งตอนนั้นเราโอเค ประมาณ ก.พ. 2564 มีใบสั่งซื้อลอตแรกคือ 3 ล้านซอง มูลค่า 57 ล้าน ทยอยส่ง มี.ค.2564 หลังส่งสินค้าได้หลักแสนซอง คู่กรณีส่งข้อความบอกสินค้าขายดีมาก ขอเปิดลอต 2 อีก 4.5 ล้านซอง ตอนนั้นคตนแย้งกลับไปว่าให้ใจเย็น ๆ เพราะสินค้าลอตแรกยังส่งไม่ครบ แต่เมื่อมีใบสั่งซื้อสินค้ามาแล้ว ตนต้องส่งสินค้าตามสัญญาไม่เช่นนั้นจะเป็นการผิดสัญญา ซึ่งสินค้าทยอยส่ง ส่งครบตามจำนวนประมาณเดือน มิ.ย.64 เนื่องจากเป็นการทยอยส่งสินค้า การชำระเงินจึงเป็นการทยอยชำระด้วย ดีลเดตแรก ๆ เขาจ่ายเป็นเช็ค แต่เช็คไม่ผ่าน เพราะเงินในบัญชีไม่พอจ่าย อีกฝ่ายอ้างเงินในบัญชีไม่พร้อมขอให้นำเช็คไปคืนก่อน แล้วเขาจะโอนมาให้ ตอนนั้นในฐานะคู่ค้าทางธุรกิจเราก็พอเข้าใจได้และคืนเช็กไป เพื่อให้เขาโอนมาให้ แต่งวดแรกเขาจ่ายช้าไป 9 เดือน และส่งข้อความมาบอกว่าสินค้าเราดีมากเลย ต้องเร่งส่งสินค้าลอต 2 จำนวน 4.5 ล้านซองให้ ซึ่งตนมีหลักฐานการคุยหมด
ส่วนภรรยาของคู่กรณีส่งไลน์มาบอกสินค้าตอนนี้เดินช้า เนื่องจากต้องทำ ฆอ ตอนนี้ ฆอ ไม่ผ่าน ขอเลื่อนจ่ายเงิน สามีภรรยาพูดไม่เหมือนกัน ฝั่งสามีบอกจะจ้างพรีเซ็นเตอร์ สินค้าเราต้องพร้อม 4.5 ล้านซองต้องรีบส่งให้เขา ซึ่งเงินงวดแรกเขายังผ่อนจ่ายเราไม่หมดเลย เขาให้เหตุผลที่จ่ายช้าว่าบริษัทเปลี่ยนผู้บริหาร เขาไม่อำนาจในการเซ็นจ่าย ต้องรอผู้บริหารท่านใหม่เข้ามา ตนก็เชื่อ เพราะสั่งสินค้าและจ่ายเงินซัพพลายเออร์ไปแล้ว ต้องส่งสินค้าไม่อย่างนั้นจะมีปัญหา สินค้าลอต 2 มูลค่า 85 ล้านบาท ทยอยส่งของให้ครบตอน มี.ค.2565 ส่วนการจ่ายเงินดีลแรกคือ 60 วัน ภรรยาเขาขอเลื่อนดีลเป็น 90 วัน เพราะมีปัญหาต่าง ๆ พอครบ 90 วันก็มาขอเลื่อนเป็น 120 วัน เราก็ต้องให้ ยังไงก็ต้องรอ เพราะเราจ่ายบซัพพลายเออร์ไปแล้ว แต่พอถึงกำหนดกลับติดต่อไม่ได้ทั้งคู่ แต่เขาจ่ายมาแค่ 6 ล้าน เหลือ 79 ล้าน ได้คุยกับคู่กรณี ฝั่งนั้นถามว่ามีแค่ 1 ล้านบาท จะเอามั้ยมีแค่นี้ ถ้าไม่เอาก็ค่อยว่ากัน ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ 2 ปี ติดต่อเขาไม่ได้เลย พอใกล้วันครบชำระเงิน เขาส่งหนังสือมาบอกว่าสินค้าเราไม่มีคุณภาพ ซึ่งเราได้ยินเรื่องนี้หลังเลยกำหนดชำระเงินมาแล้ว แต่เราไม่เคยได้ยินหรือโดนเคลมกลับมาเลยว่าสินค้ามีปัญหาแม้แต่ 1 ซอง
ก่อนจะถึงขั้นตอนการดำเนินคดีได้มีการโทรศัพท์และหลังสือทวงถาม ฝั่งนั้นก็อ้างว่าสินค้าเราไม่ได้คุณภาพหลังเลยกหนดชำระ วันที่เรียกทีมเข้ามาคุยก็ไม่มีการคุยเรื่องคุณภาพสินค้า เหตุผลที่ต้องคุยกับทีมงานของเขา เพราะเชนและภรรยาติดเที่ยวอยู่ต่างประเทศอยู่ ขอเที่ยวก่อน โดย CFO บอกให้เราปล่อยกู้คู่กรณีส่วนตัว 80 ล้าน เพื่อให้เขาเอาเงินมาจ่ายบริษัทเรา ตอนนั้นเริ่มรู้สึกไม่สบายใจเลยไปแจ้งความทั้งคู่ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงที่กองปราบเมื่อวันที่ 6 ต.ค.65 แจ้งความที่นั่นเพราะมูลค่าความเสียหายเยอะ เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาลักษณะซับซ้อน มีการหลอกลวง แสดงข้อความอันเป็นเท็จ หลังจากนั้นมีการสอบปากคำ ส่งเอกสาร ตำรวจมีความเห็นว่าเป็นคดีแพ่ง เลยมีคำสั่งไม่ฟ้อง มองว่าเป็นการซื้อขายผิดสัญญาตามปกติ โดยไม่ได้ดูพฤติกรรมอื่น สอบพยานไป 3-4 ปาก ใช้เวลาสอบร่วมปี แต่อัยการเห็นแย้ง เลยมีความเห็นสั่งฟ้อง ให้ตำรวจดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา ออกหมายเรียกครั้งแรก 24 ต.ค.67 แต่ทั้งคู่ขอเลื่อนเป็น 5 พ.ย.67 และเลื่อนอีกเป็น 12 พ.ย.67 แล้วก็เลื่อนอีกมาเป็น 18 พ.ย.67 ส่วนคนอื่น ๆ ก็โดนแบบเดียวกัน โดนอ้างอะไรแบบนี้เหมือนกัน แต่ยังไม่มีใครกล้ามาแจ้งความ ความเสียหายแต่ละรายไม่เท่ากัน แต่รวม ๆ กันแตะหลักพันล้านบาท เอาจริง ๆ ตอนที่ดูงบบริาทเขาว่าเขาขาดทุน 600 กว่าล้านก็เริ่มเอ๊ะแล้ว รวมถึงมีข่าวออกมาว่าเขายังค้างชำระที่อื่น ๆ อยู่ แอบเจ็บใจที่เห็นว่าทุกวันนี้เขายังใช้ชีวิตกินหรูอยู่สบาย ล่าสุดเพิ่งซื้อรถหรูราคา 20 ล้านให้ภรรยา แต่ไม่ยอมจ่ายค่าสินค้า ผู้เสียหายก็ค่อยข้างจะเยอะ ก่อนนี้ที่เรายอมเพราะเขาโปรยคำหวาน บอกตอนนี้เขาถือหุ้น 100 % แล้ว เชิญไปดูบ้านว่าเขาอยู่บ้านหรูหราใหญ่โต ไม่ต้องกลัว ส่วนกล่องบริษัทเชนเป็นผู้ผลิต กล่องไม่มีส่วนกับสินค้าเลย ฆอ. ผู้ขายเป็นคนขอ ขอไม่ผ่านเพราะภรรยาเขาบอกว่าจะโอเวอร์เคลมแล้วค่อยเสียค่าปรับเอา แต่ละประเทศจะมีคำจำกัดความสินค้า เขาก็บอกให้เราเปลี่ยนกล่องสินค้าให้หน่อย เราก็โอนเงินไปหลักแสน เพื่อให้เขาจ่ายค่าสินค้าที่เหลือ 70 กว่าล้านให้เรา เขาก็เปลี่ยนกล่องและขายสินค้าหมด ส่วนสินค้าลอตที่ 2 มีนัมเบอร์เรารู้ว่านั่นสินค้าเรา ซึ่งสินค้าที่เราสั่งมาคือสินค้าลอตที่เขาบอกว่าไม่ได้ขาย งงเหมือนกันที่เขาขายสินค้าต่ำกว่าต้นทุน คือถ้าเขาขายราคาต่ำว่าทุนแล้วจ่ายผู้ผลิตยังพอเข้าใจได้ว่ามันเป็นโปรโมชัน เขาอ้างว่าโฆษณาบนทีวีไม่ได้ เพราะขอ ฆอ. ไม่ผ่าน ทั้งที่จริง ๆ ขอผ่านไป 20 กว่าตัวแล้วในสินค้าของเรา ซึ่งเขาสามารถขายได้ตลอด แต่เขาเอามาอ้างแบบนี้ตลอด เคสอื่น ๆ หลายเคสที่ไม่ได้มาออกโหนกระแส เพราะเชนโทรไปว่าอย่ามาออกได้มั้ย จะเคลียร์ให้ วันที่เซ็นสัญญาคนรู้จักก็เตือนว่าดูสัญญาดี ๆ นะ แต่เราทำไปแล้ว ถอนตัวไม่ทัน สินค้าคืนก็คือสินค้าหมดอายุ อย่าเก็บตัวเลย มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย เราเจ็บตัวมาเยอะ คนทำธุรกิจ อยากได้เงินคืน คดีความปล่อยตามระบบ ผู้เสียหายคนอื่น ๆ ถ้าอยากจะแชร์หรือได้ข้อมูลก็จะยินดีจะช่วยซัพพอร์ต วันนี้เหตุการณ์มันเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าเราผนึกกำลังกัน คนที่เขายังไม่ชำระ เบี้ยวชำระก็น่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่จะมาหาความยุติธรรมด้วยกัน
ทนายแก้ว ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เจุดเริ่มต้นเป็นเรื่องของการซื้อขาย แต่คดีอาญาต้องดูพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเป็นช่วง ๆ ในกรณีที่เขารับสินค้าและมีพฤติกรรมแบบนั้น แล้วเขามีความรู้สึกไม่อยากจ่ายเงิน มีเจตนาไม่สุจริต คดีอาญาเกิดขึ้นตอนนั้น ฉะนั้นมันสามารถเริ่มต้นที่คดีแพ่งและจบลงที่คดีอาญาได้ ใครเสียหายต้องออกมาแจ้งความ จะบอกว่าเขาโกงคนอื่นไม่ได้ แต่พฤติกรรมมันเป็นพฤติกรรมแวดล้อมที่สามารถแสดงสอดรับกันได้ว่าเขาทุจริตกับคนอื่น พฤติกรรมทำซ้ำ ๆ ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ เข้าข่ายฟอกเงิน ต้องดูว่ามีผู้เสียหายมาแจ้งความเพิ่มเติมมั้ย
จากนั้น เชน ธนา ได้โฟนอินเข้าไปคุยกับคู่กรณี ซึ่งคำแรกที่คู่กรณีทักทาย จากนั้นอดีตนักร้องคนดัง คือ สวัสดีครับ คิดถึงครับ อ่านไลน์พี่หน่อยสิครับ 2 ปีแล้ว ก่อนที่ เชน จะชี้แจงในมุมของตัวเองว่า “เรื่องนี้มันเป็นเรื่องเล็ก เท่าที่ฟังข้อมูลสืบในศาลค่อนข้างเยอะมันผิดเพี้ยนจากที่ให้การไปนิดหนึ่ง ตัวผมเองก็ได้รับความเสียหาย อยากแสดงความจริงใจกับคนไทยด้วย เพราะผมก็ทำงานสุจริตอยู่ทุกอย่าง ที่บอกว่าได้รับความเสียหาย ผมไม่ได้กล่าวถึงเรื่องคุณภาพ แต่ประเด็นคือสินค้าไม่ตรงตามพรรณา ผมมีปัญหาเรื่องการอนุญาตโฆษณาอาหารมาตลอดตั้งแต่เดย์วันในการขาย ขาดทุนกับสินค้าตัวนี้ส่วนหนึ่ง สินค้าลอตแรกยังได้ไม่ครบ สั่งลอต 2 ต่ออีก 4 .5 ล้านซอง ต่อมาวันที่ 3 มี.ค.64 ผมเริ่มขึ้นไลฟ์ในเฟซบุ๊กและมีสินค้าอื่น ๆ ซึ่งก็มีลูกค้าประจำที่จองสินค้าเข้ามา ผมมีระบบไอทีในการพยากรสินค้าเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ สินค้าลอต 2 ผมได้รับไม่ตรงเวลา หลังจากไลฟ์สินค้าขายดี เลยไลน์ไปบอกเขาว่าขายดี แต่หลังจากนั้น 7-14 วัน ได้รับข่าวร้ายว่าจาก อย. ว่ากล่องสินค้ามีปัญหาขึ้นทีวีไม่ได้ ต้องเรียกสินค้าคืนจากทั้งประเทศ ส่งให้เขามารับคืนสินค้า แต่เขาไม่มารับคืน สินค้ายังไม่ได้ขาย ยังอยู่ในคลัง 4.5 ล้านซอง เหตุผลที่ไม่จ่ายเงิน 79 ล้าน มีปัญหาเรื่องขอโฆษณาอนุญาตอาหารจาก อย. ผมต้องพูดตามที่ อย. อนุญาตให้พูด มันคืออาชีพ คือศักดิ์ศรีของผม แต่คู่กรณีบอกว่าจะทำให้ได้ ขอให้ได้ ลอตแรก 3 ล้านซอง ขายดี 7 วัน ขายหมด ก่อนที่จะรู้ว่าผิดกฏ แต่สินค้าเขามีอายุ 18 เดือน ตามหลักของบริาทถ้ามันเหลือครึ่งหนึ่งมันต้องเหลือค่าเผื่อสินค้า ผมจองค่าสื่อไว้แล้ว แต่วางสินค้าขายในทีวีไม่ได้ ผมก็เสียหาย มันเลยเป็นคดีทางแพ่ง เลยคุยกับคู่กรณีตลอด มีหลักฐานตลอด ส่วนเรื่องกล่องสินค้าทางผมเป็นผู้ผลิต ข้อมูลที่ผิดใครรับผิดชอบ เราแจ้งไปในชั้นศาลว่าต้องเป็นเขารับผิดชอบ มันมีสัญญาอยู่ฉบับหนึ่ง 6-9 ข้อ แต่้ผมพูดทางทีวีไม่ได้เลย เพราะมันผิดโฆษณาหมดเลย วันนั้นเลยจะขนเอกสารทั้งหมดไปพบเจ้าหน้าที่ว่าผมไม่ได้มีเจตนาฉ้อโกง ลอตแรก 3 ล้านซอง ขายหมดแต่ขาดทุน ส่วนเรื่อง ฆอ หรือ โฆษณาอนุญาตอาหาร ผู้ขายเป็นคนขอครับ ณ ตอนนี้ในทางแพ่งถ้าศาลตัดสินว่าเราเป็นหนี้ เราก็ยินดีจะชำระหนี้”
จากนั้นคุณรี่ คู่กรณีอีกรายที่เป็นบริษัททำสูตรและผลิตสินค้า โรงงานที่เยอรมัน ทางนี้มาจ้างให้ทำสูตร ตามดีลแบ่งจ่ายมัดจำ 40 % ก่อนผลิตสินค้า และอีก 60% หลังได้รับสินค้า เสียหายประมาณ 4 ล้านบาท สำหรับแผนผ่อนชำระมัน ทางผู้เสียหายอย่างเราต้องจำเป็นว่าเป็นตามแผน แต่เรารู้สึกยอมรับไม่ได้ เพราะสัญญอยู่ที่จ่ายทันที ทั้งที่เราก็ยืดให้สักพักแล้ว แต่พอถึงจุดหนึ่งมีจดหมายมาขู่กลายเป็นว่าเขาเป็นผู้เสียหายเรียกให้เราชำระเงิน 10 กว่าล้าน เราเลยต้องฟ้องกลับ ล่าสุดมีการขอผ่อนชำระ 24 -30 งวด ซึ่งเรารับไม่ไหว การทำแผนผ่อนชำระมันต้องให้ทางเรายอมรับด้วย ไม่ใช่มาบังคับกันต้องยอมรับแบบนี้ เราไม่ใช่สถาบันทางการเงิน
จากนั้น เชน ได้ตอบคำถามของคุณรี่ว่า “จริง ๆ ผมมองว่ามันเป็นปัญหาระหว่างบริษัทกับบริษัท ผมมีเจตนาจะชำระ แต่ทางคุณรี่บอกให้ไปไกล่เกลี่ยและให้ศาลลงบันทึก ซึ่งผมยินดี เดี๋ยวเราก็ไปคุยกันตรงนั้น มองว่าเจตนาการการขายของเพื่อนำเงินมาชำระหนี้เป็นวาระของบริษัทกับบริษัท เราควรจะคุยกันระหว่างบริษัทและจบที่บริษัท ไม่ควรออกสื่อ” คู่กรณีสาวจึงตอบกลับมาว่า “รี่พยายามขอติดต่อทางทีมไป แต่ได้รับจดหมายมาว่ามีการเปลี่ยน CEO ทำให้ชำระไม่ได้ ทำให้ต้องเลื่อนไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าเป็นในทางแพ่ง เจรจาแล้วจบ รี่ยินดี ไม่มีใครอยากมาเสียเวลา เพราะต่างคนต่างทำมาหาเงิน สินค้าของเราไม่มีทางมีปัญหาได้เลย เพราะอายุสินค้า 3 ปี และเรามีมาตรฐานระดับโลกจากเยอรมัน สินค้ามาช้าแค่ 2 สัปดาห์จากไทม์ไลน์ที่ระบุไว้ ไม่ส่งผลกระทบต่ออายุของสินค้าเลย ทางเราไม่เคยได้คุยกับเขาเป็นกาารส่วนตัวเลย บอกไม่ว่างคุยเลยให้แต่เลขาคุย ไม่มีเบอร์ส่วนตัว ไลน์ส่วนตัว ขนาดจะไปดูโรงงานที่เยอรมัน เขาให้เราดำเนินเรื่องวีซ่าให้ด้วยซ้ำ ชาตินี้ชาติหน้ากรุณาอย่ามาค้าขายกันอีก คืนเงินเราในชาตินี้ เราเป็นนักวิจัยไปสู้รบตำมือกับนักการตลาดไม่ได้ ขอเป็นชนชั้นปกติที่ทำมาหากินปกติดีกว่า รี่เริ่มดีลธุรกิจกับเขาปี 2566 เขาดีลมาว่าอยากผลิตวิตามินซี เราก็พัฒนาสูตรและทำสินค้าได้ตรงปกตามที่เขาต้องการ ปลายปี 2566 เริ่มส่งของมูลค่า 6 ล้านกว่าบาท ส่งให้รวดเดียว มัดจำก่อน 40 % หลังรับสินค้า 60 % เขาจ่ายค่ามัดจำ แต่หลังได้รับสินค้าจ่ายมา 500,000 บาท สัญญามี 2 ฉบับ คือจะไม่เปิดเผยสูตรและไม่แทรกแซงทางการค้า แต่เขาแทรกแซงเรา ตอนนี้เงินที่ค้างชำระคือ 3.8 ล้าน พยายามติดต่อขอชำระเพราะเกินดีลมาสุด ๆ แล้ว พยายามติดต่อเชนกับภรรยา แต่เขาให้ทนายมาคุย เพราะเขามองว่าเราไม่ใช่ตัวจริง และให้ทนายแทรกแซงทางการค้าเราโดยการส่งอีเมลล์ไปเยอรมัน แต่เราไม่กลัว เพราะสูตรเป็นของเรา ไม่ใช่ของเยอรมัน ไม่มีการทำสัญญาประนีประนอม พอเห็นข่าวของอีกบริษัทเราก็เห็นว่าคล้าย ๆ กับที่เราเจอ การขายของเขาลดราคาเยอะ ซึ่งต้นทางก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เราเชื่อถือเพราะเขาวางมัดจำมา 40 % หลังจากนั้นก็มีผู้ใหญ่เตือนว่าดูดี ๆ นะ ตอนนี้เราอยากได้สินค้าคืน มีขึ้นศาล 16 ธ.ค.67 เพื่อไกล่เกลี่ยในส่วนของคดีแพ่งกันก่อน ไกล่เกลี่ยกันแล้วก็จะบอกเลิกสัญญา แล้วเอามาปล่อยให้ผู้บริโภคในราคาที่รับมา เจตนาคืออยากได้เงินคืน.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
ขอบคุณภาพ chaintana