เมื่อเวลา 08.30 น. ช่วงเช้าวันนี้(11 พ.ย. 2567) เจ้าหน้าที่ DSI ได้เดินทางเข้ามาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาดิไอคอน 18 ราย และ 1 นิติบุคคล ภายในเรือนจำฯ ได้แก่ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4 , 5 และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 19 , 20 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางเรือนจำฯ ในการจัดรอบแจ้งข้อกล่าวหาแต่ละคน ส่วนผู้ต้องหาจะให้รับสารภาพหรือปฏิเสธเป็นสิทธิของผู้ต้องหา ซึ่งมีทนายความร่วมฟังด้วย
ดิไอคอน ดดนเพิ่มอีก 2 ข้อหาหนัก ทนายพร้อมชี้แจง-ขอความเป็นธรรม
โดยภายหลังแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จสิ้น ร้อยตำรวจเอกวิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ออกมาเปิดเผยว่า วันนี้จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาในความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (แชร์ลูกโซ่) และ พ.ร.บ.ธุรกิจขายตรงและการตลาดแบบตรง หลังจากก่อนหน้านี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งสำนวนข้อหาฉ้อโกงประชาชนและข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จนกระทั่ง DSI รับเป็นคดีพิเศษและมีการสอบปากคำสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และ สคบ. เกี่ยวกับพฤติกรรมในการดำเนินกิจการของ “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” จนพบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม นำมาสู่การที่ DSI มีมติในการแจ้งข้อกล่าวหาบอสทั้ง 18 รายและนิติบุคคลเพิ่มเติมในส่วนความผิดฐานแชร์ลูกโซ่และความผิดพ.ร.บ.ธุรกิจขายตรงฯ
ร้อยตำรวจเอกวิษณุ ระบุอีกว่า การเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาในวันนี้ มีการประสานกับ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และ ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลางแล้ว ในการจัดสรรผู้ต้องหาเข้ามาพบเจ้าหน้าที่เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งจะต้องทีมทนายในการร่วมสืบสวนสอบสวน โดยทาง DSI ได้ประสานไว้แล้วเช่นกัน สำหรับข้อหาแชร์ลูกโซ่ มีองค์ประกอบความผิดตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และ สคบ. ให้ข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวน
เมื่อถามว่าการสอบสวนบอสดาราและบอสคนอื่น ๆ จะแตกต่างกันหรือไม่ เพราะว่าลักษณะพฤติกรรมไม่เหมือนกัน เจ้าหน้าที่มองว่า ทั้งหมดมีกระบวนการของการแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งแม้ว่าทุกคนอาจจะไม่ได้เข้าองค์ประกอบความผิดพร้อมกัน แต่เมื่อเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าหน้าที่ของแต่ละคน เมื่อรวมกันแล้วมีวัตถุประสงค์เดียวกันในการกู้ยืมเงินเพื่อเป็นการฉ้อโกงประชาชน
มีรายงานว่าในส่วนของหัวหน้าทีมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่ 18 บอสดิไอคอน โดยพันตำรวจตรีวรณันและเจ้าหน้าที่คดีพิเศษกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ จะเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาแก่บรรดาบอสหญิง 7 ราย ณ ทัณฑสถานหญิงกลาง และในส่วนของ พันตำรวจโทอนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และร้อยตำรวจเอกสุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีฮั้วประมูล เเละเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ จะเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาแก่บรรดาบอสชายทั้ง 11 ราย ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วน “บอสพอล” จะเป็นความรับผิดชอบของ พันตำรวจโทอนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค
ฟาก นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความ ระบุว่า เห็นว่าทาง DSI บอกว่าจะเป็นการสอบคำให้การในเบื้องต้น ตัวเองก็เลยเตรียมข้อมูลมาให้แน่น เพราะคำว่าเบื้องต้นของบอสพอล ไม่มีอยู่จริง เขาเองก็อยากจะให้รายละเอียดทั้งหมด เพราะกลัวว่าจะรับเบื้องต้นไปแล้วจะตัดจบคดี และการมาสอบที่เรือนจำไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แต่จะพิสูจน์กับข้อกล่าวหานี้ได้นั้น นายวิฑูรย์ ตอบว่า แชร์ลูกโซ่องค์ประกอบมันคือว่า “ต้องไม่มีธุรกิจอยู่จริง ต้องมีการเอาเงินของลูกค้า เอาเงินของคนใหม่มาจ่ายคนเก่า และต้องไม่มีสินค้า” ซึ่งเรามั่นใจว่าเราไม่เข้าองค์ประกอบนี้ วันนี้จึงจะให้ปากคำโดยละเอียด โดยเรามีความยินดีที่จะเปิดระบบหลังบ้านและชี้แจงให้ดูว่าเป็นอย่างไร ซึ่งตัวเองก็จะต้องนั่งฟังและสังเกตการณ์ด้วยยาว ๆ เพราะตัวเองเป็นทนายให้กับหลายบอส
ส่วนพยานที่จะเข้ามาให้ปากคำนั้น ตัวเองได้บัตรประชาชนและรายชื่อยืนยันตัวตนส่งมอบให้กับทาง DSI ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ทาง DSI ขอให้ทำใหม่ ก็เลยต้องทำการบ้านทำบัญชีใหม่ พร้อมเก็บสำเนาบัตรประชาชนของตัวแทนแต่ละคน ทำได้ 2 วัน ได้ไปเบื้องต้น 700 คนแล้ว ส่วนพยานผู้เชี่ยวชาญนั้น ขอให้ตัวแทนเข้ามาให้ปากคำให้หมดก่อน เพราะรวบรวมได้จริง มีประมาณ 2,000 – 3,000 คน แต่จะให้การได้จริงหรือไม่ หรืออาจจะมีการตัดพยานไป ตัวเองก็แค่ขอความเป็นธรรม
ภาพ : sam_yuranunt