ก่อนหน้านี้ในโซเชียลมีข่าวทำเอาตกใจทั้งวงการบันเทิง หลังมีการจับประเด็นที่นักแสดงรุ่นใหญ่ อาตู่ นพพล ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง พ.ศ. 2564 ไปออกรายการหนึ่งพูดในทำนองว่าหากเป็นอะไรไป ไม่ต้องปั้มหัวใจช่วยชีวิต ในโซเชียลก็เลยไปตีความต่อ ในทำนองว่า ถ้าไม่ปั้มก็เท่ากับ อาตู่ เสียชีวิต จนทางบริษัท เป่าจินจง จำกัด ต้องออกหนังสือโต้ข่าวลือไม่เป็นความจริง
โดยวันนี้(29 ต.ค. 2567) อาตู่ และ นุช ปรียานุช ภรรยา เผยกับไนน์เอ็นเตอร์เทนว่า ตอนแรกที่ได้ยินข่าวหัวเราะก่อนเลย เพราะเรารู้อยู่ว่าอะไรคือเรื่องจริง พอเป็นข่าวมีคนบันเทิงและเพื่อนที่ไม่เคยคุยกันมาเป็น 10 ปีโทรศัพท์เข้ามาสอบถามกันเป็นจำนวนมาก เช่น ออย ธนา ที่เห็นข่าวในช่วงที่ตัวเองกำลังซ้อมคอนเสิร์ตแกรมมี่-อาร์เอส รีบยกหูด้วยความตกใจเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับทางพี่นุช ทั้งคู่ไม่รู้สึกโกรธกับข่าวที่เกิดขึ้นเพราะเข้าใจว่าทุกวันนี้มันเป็นยุคของโซเชียลอะไรก็เกิดขึ้นได้ เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่ามีใครที่รักเราบ้าง เพราะคนที่รักเราก็จะโทรมาหา ไม่คิดฟ้องเพราะสุดท้ายเราก็ไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่เขากล่าวหาจริง ๆ
ตู่ นพพล รับเคยป่วยจนน้ำหนักลด 20 กิโล ก่อนปัจจุบันกลับมาแข็งแรงปกติ
สำหรับเรื่องสุขภาพหลังปีนี้อาตู่ป่วยถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกมีอาการสะอึกติดต่อกันหลายครั้ง ตอนนั้นพยาบาลที่รักษาถึงกับร้องไห้ออกมา เพราะพี่นุชและอาตู่ยืนยันว่าหากเป็นอะไรไปไม่ขอปั๊มหัวใจเพื่อยื้อชีวิต ก่อนที่การรักษาจะดีขึ้นตามลำดับ และมาทรุดลงอีกครั้งในช่วงหลังจากนั้นไม่นาน โดยอาตู่มีอาการซูบผอมลงอย่างรวดเร็วน้ำหนักลดไป 20 กิโลกรัม เหลือประมาณ 59 กิโลกรัม จนทำให้ร่างกายช็อกหมดสติ จนต้องหามส่งโรงพยาบาล ก่อนจะพาไปรักษาต่อด้วยวิธีแพทย์ทางเลือกที่จังหวัดลพบุรี อาตู่ใช้ยาสมุนไพรรวมถึงฝึกฝนจิตใจศึกษาธรรมะเป็นเวลา 1 เดือน ต้องนอนพื้นแข็ง ตื่นเป็นเวลา ออกกำลังกายและตัดทางโลกอย่างเด็ดขาด
ก่อนอาการจะดีขึ้นและสามารถกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านได้เหมือนเดิม ทุกวันนี้อาตู่แข็งแรงขึ้นแล้วสามารถกลับมาลุยงานแสดงได้เหมือนเดิมน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 71 กิโลกรัมเดินเช้า-เย็น ครั้งละ 5,000 ก้าว ดูแลเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษต้องกินไข่ขาวต้มวันละ 6 ฟองทุกเช้า งดของหวานที่ชอบและผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง เช่น ทุเรียน ขนมเค้ก โดยมีพี่นุชภรรยาสุดที่รักเป็นคนคอยดูแลอย่างดี
และเรื่องการไม่ขอให้ปั๊มหัวใจช่วยชีวิต อาตู่และพี่นุชคิดเห็นตรงกันว่าหากชีวิตอยู่ในจุดที่ต้องตัดสินใจจะไม่ขอให้หมอปั๊มหัวใจ เพราะเห็นตัวอย่างจากคุณพ่อ (สมชาย สามิภักดิ์) ที่เคยป่วยเป็นโรคไตและต้องเจ็บตัวฟอกไตและช่วยชีวิตด้วยการใส่สาย ใส่ท่อระโยงระยาง ซึ่งอาตู่ไม่อยากให้ตัวเองต้องทรมานแบบนั้นไม่อยากให้ภาพแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง อีกทั้งยังมองว่าตัวเองอายุ 71 แล้ว หากปั้มหัวใจขึ้นมาจะกลับมาวิ่งได้หรือเปล่า หรือจะต้องนอนเป็นผัก แบบนี้จะตื่นขึ้นมาทำไม ซึ่งความคิดแบบนี้อาตู่และพี่นุชยืนยันว่าเป็นเจตนาของทั้งคู่จริง ๆ ทุกอย่างได้ผ่านการตัดสินใจมาอย่างดีแล้ว.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
ภาพ : paujinjong