เมื่อช่วงบ่ายวันนี้(15 ต.ค.67) พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรียกประชุมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ โฆษกดีเอสไอ ประชุมพิจารณาองค์ประกอบความผิดตามบัญชีแนบท้ายท้ายพ.ร.บ การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และเตรียมทำหนังสือประสานตำรวจกรณีบริษัทดิไอคอน ที่มีผู้เสียหายมากกว่าพันคนและมูลค่าความเสียหายเกินกว่า 200 ล้านบาทแล้ว
พ.ต.ต.วรณัน เปิดเผยว่า รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ สั่งการให้กองคดีธุรกิจนอกระบบมีหนังสือไปถึงกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เพื่อขอข้อมูล ข้อเท็จจริง พฤติการณ์ในคดีดิไอคอน ตามที่ตำรวจได้ทำการสอบสวนผู้เสียหายแล้วกว่า 1,000 ราย โดยจากมูลค่าความเสียหาย และจำนวนผู้เสียหายชัดเจนว่ากระทบต่อความสงบเรียบร้อย หากพบเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ มีการหมุนเวียนจ่ายเอาเงินสุดท้ายมาจ่ายให้ หรือมีการเชิญชวน ให้ลงทุนธุรกิจเสนอผลตอบแทนกลับ แต่เคสนี้ มีข้อเท็จจริงต้องดูให้ละเอียด ที่มีสัญญาแบบขายขาด แล้วช่วยทำการตลาด จึงเป็นรายละเอียดที่ต้องถอดจากพฤติการณ์ ถ้าเข้าเงื่อนไขดีเอสไอพร้อมรับเป็นคดีพิเศษทันที ซึ่งดีเอสไอดูทั้งประเด็นแชร์ลูกโซ่ และฉ้อโกงประชาชน ที่มีเงินหมุนเวียนลักษณะฟอกเงิน ถ้ามูลฐานเป็นคดีอาญาอื่น แต่มีทรัพย์เกี่ยวเกิน 300 ล้านบาทก็เป็นฟอกเงินที่ดีเอสไอ เข้าไปรับผิดชอบได้
สำหรับกรณีที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่าตอนนี้ตำรวจ บก.ปคบ. ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ยังไม่ตอบว่าเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ พ.ต.ต.วรณัน เผยว่า ตามที่ได้เรียนแจ้งว่าเราทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ หากสิ่งใดที่สนับสนุนได้ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็ได้มอบนโยบายว่าให้กองคดีที่เกี่ยวข้องไปร่วมปฏิบัติงานและสนับสนุนการปฏิบัติงานของตำรวจ ยืนยันไม่เป็นการแก่งแย่งผลงานกับตำรวจ เพราะคดีอาญา มีผู้รับผิดชอบ เพียงแต่ใครเป็นเจ้าภาพเวลานี้ ก็ทำงานด้วยกันอยู่แล้ว
โฆษกดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอเชี่ยวชาญการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ได้ตรวจย้อน หลังงบการเงินของดิไอคอนตั้งแต่ ปี 2562 พบความผิดปกติหลายประเด็น ทั้งรายได้-รายจ่าย ซึ่งอยู่ระหว่างวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด ส่วนกรณีบอสพอล หรือ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ก่อตั้งบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด พูดถึงการจ่ายเงินตอบแทนบอสดารา 3 ราย โดยจ่ายตามยอดขายสินค้า เข้าข่ายอย่างไรหรือไม่ พ.ต.ต.วรณัน ระบุว่า ต้องย้อนกลับไปว่าเขาคือผู้ให้กู้ยืมเงิน หรือผู้ลงทุนหรือไม่ แต่เท่าที่ฟังจากข่าว เขาเป็นเหมือนลูกจ้าง แต่ก็ต้องดูว่าพฤติการณ์เป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ ส่วนที่มีการกล่าวถึงบุคคลเคลียร์ 4 หน่วยงาน ปรากฏชื่อหน่วยงาน “ดีเอสไอ” เป็นหนึ่งในที่รับเงินช่วยเคลียร์ให้บริษัทนั้น ดีเอสไอขอประชาสัมพันธ์ว่าหากบุคคลใดมีข้อมูล ขอให้ส่งแจ้งมาที่ดีเอสไอได้ทันที พ.ต.ต.วรณัน กล่าวอีกว่าคดีนี้ ตำรวจไม่ได้ทำล่าช้า ได้เร่งช่วยเหลือผู้เสียหายซึ่งมีจำนวนมาก เรื่องการอายัดทรัพย์ที่ยังไม่ได้ดำเนินการ หากคดีอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ ดีเอสไอก็ต้องดูก่อนว่าบัญชีธนาคารนั้น ๆ มีความเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับการกระทำความผิดหรือไม่ หรือมีเหตุสงสัยหรือไม่ จึงเข้าไปอายัดได้.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน