บอย ปกรณ์ ตัดขาดบอสดิไอคอน งดออกความเห็นปมร่ำไห้กลางรายการดัง

เมื่อเวลา 14.38 น. วันนี้(14 ต.ค.67) ที่กองปราบปราม ถนนพหลโยธิน พระเอกชื่อดัง บอย ปกรณ์ ให้สัมภาษณ์หลังให้ข้อมูลกับตำรวจ จากกรณีที่เจ้าตัว พร้อมด้วยพิธีกรชื่อดัง หนุ่ม กรรชัย และ กัน จอมพลัง พาผู้เสียหายหลายสิบรายจากบริษัทเครือข่ายชื่อดัง มาแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทขายตรงดังกล่าว ระบุว่า ตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้น แต่อาจจะโล่งใจมากขึ้นที่ได้เข้ามาชี้แจงที่ได้เข้าสู่กระบวนการในการตรวจสอบ และตนได้ให้การไปตามข้อเท็จจริงและนำเอกสารมายืนยันกับตำรวจ ทั้งเอกสารสัญญาจ้างที่มีการระบุชัดเจนว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งในเอกสารระบุไว้ว่าค่าจ้างของตนได้มาจากอะไรบ้าง รวมถึงเอกสารยกเลิกสัญญา และมีเอกสารที่ตนนำมาแจ้งความร้องทุกข์กับบริษัท จำพวกสื่อโปรโมตที่นำรูปภาพของตนไปใช้ประชาสัมพันธ์โดยที่ตนไม่รู้ ก่อนหน้านี้ตนก็ได้ประกาศผ่านทาง Instagram ส่วนตัว ให้ผู้เสียหายติดต่อผ่านตนเข้ามา จนถึงตอนนี้มีผู้เสียหายติดต่อเข้ามาแล้วกว่า 40 คน ตนได้นำรายชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ของผู้เสียหายเหล่านี้ส่งให้ทีมของ หนุ่ม กรรชัย ไปแล้ว เพื่อให้ไปดำเนินการต่อ


บอย ปกรณ์ ยอมรับว่ารู้สึกผิดและเสียใจที่ตนมีส่วนทำให้ผู้เสียหายเดือดร้อน วันนี้มีผู้เสียหายบางคนเดินเข้ามาขอบคุณ แต่ส่วนตัวรู้สึกว่ารับคำขอบคุณนั้นไว้ไม่ได้ ตนต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษพวกเขา ส่วนประเด็นที่บอสพอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ไปออกรายการดัง พระเอกคนดังบอกว่าได้ดูบ้างบางช่วง เพราะติดให้ปากคำกับตำรวจอยู่ ไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่บอสคนดังร้องไห้ในรายการ ไม่อยากก้าวล่วง เพราะไม่สามารถไปล่วงรู้สิ่งที่อยู่ในใจของเขาได้ว่ามาจากใจจริงหรือไม่ แต่เชื่อว่าเขาทำอะไรลงไปก็น่าจะรู้ตัว ยืนยันว่าตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่ได้คุยกับใคร และไม่มีผู้บริหารในบริษัทคนไหนติดต่อมา รวมถึงนักแสดงคนอื่น ๆ ที่มีชื่อเป็นผู้บริหารในบริษัทก็ไม่ได้คุยกับใครเลย

ส่วนที่มีดารา-นักแสดง คนอื่น ๆ เริ่มออกมาแสดงตัวว่าเคยร่วมงานกับบริษัทดังกล่าว พระเอกคนดังมองว่ามีหลายคนที่เคยตกอยู่ในสถานะเดียวกับตนที่ทำไปโดยไม่รู้ ถ้าทุกคนได้ออกมาชี้แจงก็คิดว่าน่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้เสียหาย จึงอยากให้ออกมาเข้าสู่กระบวนการดีกว่า ส่วนที่วันนี้ตนมาแจ้งความกับบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ตนได้พูดคุยกับตำรวจในการเอาผิดบริษัทที่ปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับโมเดลธุรกิจของบริษัท ทำให้ตนเข้าใจผิดและทำให้ตนมีส่วนร่วมทำให้คนอื่นเดือดร้อน เรื่องนี้ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย และหลังจากวันนี้ตำรวจจะประสานนัดหมายตนเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง ยอมรับว่าเมื่อเจอเหตุการณ์ในลักษณะแบบนี้ก็ต้องเข็ดกันทุกคน ต่อให้เช็กจนรอบคอบแล้วแต่ก็ยังพลาด ถือเป็นบทเรียนในครั้งถัดไปที่ต้องตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วนมากกว่านี้ อะไรที่ใกล้เคียงกับธุรกิจแบบนี้ก็ต้องเลี่ยงไปเลย


ถามว่าความสัมพันธ์ของตนกับบอสพอลถือว่าตัดขาดกันเลยหรือไม่ พระเอกหนุ่มบอกว่าถ้าเป็นดารา-นักแสดง ตนขอไม่ก้าวล่วง และเชื่อว่าทุกคนจะต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย แต่ในส่วนของผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ขอพูดตรงนี้ว่ามาถึงตอนนี้ก็เพิ่งรู้ว่าทุกคนทำอะไรลงไป ทุกคนทำอะไรไว้ก็ต้องรู้อยู่แก่ใจว่าทำมันสบายบนความเดือดร้อนของคนอื่น ตนก็ไม่มีอะไรจะพูดกับเขา แต่ขออย่ามารู้จักกันอีกเลย ที่ผ่านมาเราอาจจะบังเอิญเจอกันตามงานต่าง ๆ แต่ต่อจากนี้อย่ามายุ่งเกี่ยวอะไรกันอีกเลย ยิ่งตนมารู้ว่าพวกเขาทำอะไรแบบนี้ไว้ การที่ออกยอมรับว่ามีส่วนทำให้เกิดความเสียหาย กังวลว่าจะถูกหางเลขไปด้วยหรือไม่ พระเอกชื่อดังบอกเชื่อว่าการที่ตนจะออกมาหรือไม่ออกมาก็ไม่ส่งผลต่อกระบวนการทางกฎหมาย ถูกก็ว่าไปตามถูก ผิดก็ไปทำผิด หน้าที่ของตนมีเพียงการออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงและช่วยรับผิดชอบในส่วนที่ตนสามารถทำได้ ก่อนจะฝากเตือนว่าในปัจจุบันมีธุรกิจในลักษณะแบบนี้ จึงควรที่จะต้องศึกษาและตรวจดูประวัติให้ดี ซึ่งบางทีอาจจะมีความเกี่ยวข้อง หากรู้สึกว่ามีความใกล้เคียงกับกรณีนี้ ถ้าเลี้ยงได้ก็อยากให้เลี่ยง อย่ามาเสี่ยงกับอะไรแบบนี้เลย.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

ขอบคุณภาพ boy_pakorn

เข้าชม 458 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม