เหมือนถูกหลอก! บอย ขอโทษผู้เสียหายเดือดร้อนจากสิ่งที่พูดออกไป

พระเอกชื่อดัง บอย ปกรณ์ เปิดใจด้วยสีหน้าเป็นกังวลดวงตาแดงก่ำผ่านรายการโหนกระแส หลังปรากฏภาพเจ้าตัวกับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีเหล่าดาราแถวหน้าเป็นพรีเซนเตอร์และนั่งแท่นผู้บริหาร ดำเนินธุรกิจขายตรง สร้างดาวน์ไลน์ ขายฝันให้ประชาชนมาร่วมลงทุน แต่สุดท้ายขายสินค้าไม่ได้ เงินหด ทุนหาย จนหลายคนคิดจบชีวิตเพราะหมดตัว ที่กำลังเป็นประเด็นใหญ่ที่ส่งผลกระทบในวงกว้างในขณะนี้ โดย บอย ปกรณ์ เผยว่า รู้สึกร้อนใจหลังมีผู้เสียหายออกมาให้ข้อมูล รับทราบข้อมูลมาแล้วรู้สึกไม่ดี เลยติดต่อ หนุ่ม กรรชัย ขอมาออกรายการเพราะอยากมาชี้แจง แต่ขอเวลาเตรียมเอกสาร พอเอกสารเสร็จเมื่อเช้า เลยติดต่อว่าขอมาเลย เพราะยิ่งมีผู้เสียหายออกมาพูด ยิ่งได้รับข้อมูล ยิ่งนอยด์ ส่วนตัวรู้จักบริษัทนี้จากการได้รับการติดต่อจากบอสพอล ตนรู้จักเขาตอนปี 2563 ตอนนั้นได้รับการติดต่อให้เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าเกี่ยวกับเวย์โปรตีน สัญญา 1 ปี พอครบ 1 ปี ไม่มีการต่อสวัญญา ปี 2564 เว้นว่างไม่ทำงานกับเขา แต่ปี 2565 บริษัทติดต่อกลับมาใหม่ ให้เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าอีกตัว และทำสัญญาปีต่อปี ต่อกันมาเรื่อย ๆ ถึงปี 2567 สัญญาระบุชัดเจนว่าต้องเป็นผู้แสดงแบบสินค้า แต่ไม่มีเรื่องของโมเดลธุรกิจ หากตำรวจต้องการตรวจสอบสัญญายินดีมอบให้ รายละเอียดของงานคือถ่ายวิดีโอ ภาพนิ่ง รวมถึงร่วมกิจกรรมในการออกอีเวนต์ ออกรายการเพื่อโปรโมตสินค้า แต่บางอีเวนต์มีสคริปต์ให้พูด แต่ยืนยันว่าไม่มีการชัดชวน 100 เปอร์เซ็นต์ และไม่เคยมีการเรียกตัวเองว่าบอส พิสูจน์ได้จากผู้เสียหาย ตัวแทนทุกท่าน กล้ายืนยันว่าไม่มีหลักฐานที่เรียกตนว่บอสแน่นอน


ส่วนคลิปชวนขายของ เห็นแล้วรู้สึกว่าตัวเองโง่ ตอนนั้นที่พูดไปเพราะรู้สึกมั่นใจว่ามันคือความจริง ซึ่งคลิปที่พูดคือพูดในงานอีเวนต์ประจำปีของเขา ไปในฐานะตัวแทนพรีเซนเตอร์ สิ่งที่พูดคือสคริปต์ที่ทีมงานบรีฟให้พูดทำนองนี้ พูดเพื่อให้กำลังใจคนในงาน ตอนที่พูดไม่ได้เฉลียวใจเรื่องผู้เสียหาย แต่มีคำถามกลับไป เช่น ตัวแทนไม่ต้องสต๊อกของ บริษัทบอกถ้าตัวแทนสั่งของก็ได้ของกลับไป มั่นใจว่าหลายคนที่ดูอยู่อาจจะด่าเราว่าแถมั้ย แต่มันไม่ใช่สิ่งที่กังวัล คนเชื่อก็ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าใครจะด่า ด่าได้เลย ใครจะมองว่าตนแถหรือโกหกก็ไม่เป็นไร ตนยินดีรับตรงนี้ แต่ตนชี้แจงในมุมของตน มันไม่ใช่การถามนำ แต่เป็นสคริปต์ ซึ่งเป็นทั้งสคริปต์ที่เป็นตัวหนังสือและทีมงานบรีฟมา ตนเสียใจที่พูดตรงนั้นไปแล้วเกิดความสูญเสียในวันนี้ ยอมรับว่าพลาดเอง เป็นความผิดของตนเอง รู้ว่ามีผู้เสียหายพร้อมทุกคน เริ่มเห็นจากติ๊กต่อก พอมีคนส่งให้ดูก็กดเข้าไปดูในคอมเมนต์ถึงรู้ว่ามีบางคนเสียเงินสต๊อกของเยอะ พอรู้เรื่องก็รู้สึกกังวลใจ ตอนทำงานก็ทำงานไป ตอนไม่ทำงานจิตใจก็วนอยู่กับเรื่องนี้ เปิดโทรศัพท์ดูตลอดเวลา หน้าที่ตรงนั้นคือการโปรโมตสินค้า ซึ่งยอมรับว่าตรงนี้คือความผิดพลาดของตนเอง

บอย ปกรณ์ เล่าต่อว่า “ก่อนรับงานเช็กข้อมูลในขอบเขตที่เช็กได้ แต่กลไกลอิเทคทรอนิกเช็กไม่ได้ ความจริงเขาไม่อยากบอกเราด้วย อาชีพดาราเกิดจากประชาชน มีคนรัก มีคนซัพพอร์ต เสียใจที่มีส่วนทำให้เกิดความเสียหาย ไม่มีคำโต้แย้งอะไร ความรู้สึกตอนนี้คืออึดอัดมาก เป็นอะไรที่ติดอยู่ในใจตลอด การได้ออกมาพูด มาชี้แจงในวันนี้เหมือนได้ยกอะไรออกไป ได้ออกมายอมรับในสิ่งที่พลาดไป อยากมาขอโทษมาก ๆ สำหรับผู้เสียหายทุกคนที่เดือดร้อนกับการมาเชื่อใจในสิ่งที่ผมได้พูดออกไป จากสิ่งที่ผมทำให้มั่นใจ ขอโทษผู้เสียหายทุกท่านที่ผมมีให้เกิดความเสียหายส่วนตรงนี้ ถ้ารู้ว่าวันนั้นสิ่งที่พูดบนเวทีจะทำให้เกิดความเสียหายในวันนี้ ผมจะไม่พูด ผมกล้าที่จะบอกทีมงานว่าผมไม่พูด แต่ถ้าเขายืนยันจะให้พูด ผมกล้าที่จะเดินออกจากงาน แต่มันย้อนเวลากลับไปไม่ได้ ผมพลาดเองที่ไม่เช็กให้มากพอกว่านี้ ในส่วนของคดีความผมยินดีที่จะให้ข้อมูล ผมเสียใจที่ผมได้มีส่วนร่วมให้เกิดความเสียหาย และผมรู้สึกว่าผมถูกหลอกด้วย ผมไม่โอเคกับตรงนั้น ไม่ขอเรียกว่าตัวเองเป็นเหยื่อ เหยื่อคือผู้เสียหาย แต่รู้สึกเหมือนตัวเองถูกใช้เป็นเครื่องมือหลอกผู้เสียหาย แตกหักกับเขาผมยินดี เพราะผมทำงานตรงนี้ได้จากแรงซัพพอร์ตจากประชาชน ถ้างานของผมทำให้ประชาชนเดือดร้อน ผมเลือกที่จะยืนอยู่ข้างประชาชน ยินดีที่จะแตกหักกับเขา”


จากนั้น หนุ่ม กรรชัย ได้ต่อสายถึงเพื่อนสนิทของผู้เสียหายที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง พอฟังเรื่องราวจบแล้ว พระเอกคนดังให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “แค่มีการสูญเสียแล้วก็รู้สึกแย่ ในเมื่อทางนั้นรู้ว่าผู้เสียหายเสียชีวิตแล้ว ควรมีแอกชันแสดงความรับผิดชอบ แต่กลับชวนน้องสาวของผู้เสียชีวิตไปทำต่อ ผมว่ามันเกินวิสัยจิตใจมนุษย์ มันเห็นแก่ตัวเกินไป ถามว่าหลังจากนี้ผมจะทำยังไงต่อไป คือตอนนี้ยังไม่มีได้การพิสูจน์ออกมาว่าถูกหรือผิด แต่มันมีความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงและเป็นวงกว้าง สำหรับผม ผมรู้สึกไม่ดี ขอโทษผู้เสียหายทุกคนอีกครั้ง ผมพร้อมจะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบทางกฎหมาย สิ่งที่จะทำได้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง คือผมพร้อมที่จะแยกจากเขา เมื่อช่วงเช้าวันนี้(11 ต.ค.67) ผมได้ทำเอกสารคือหนังสือขอยกเลิกสัญญากับทางบริษัท หนังสือเพิ่งออกเมื่อเช้า และส่งไปให้บริษัททันที ตอนนี้มีผลเรียบร้อย ในหนังสือระบุว่าผมขอยกเลิกสัญญาและคืนเงินค่าจ้าง เขาทำกับผู้เสียหาย ทำกับผมขนาดนี้ ผมไม่มีความจำเป็นที่ต้องสังคายนากับเขา ผมอยากให้เขามาเห็นสีหน้าของผู้เสียหาย มองเข้าไปในแววตาว่าเขารู้สึกยังไง สิ่งที่ผมทำได้คือ อยากฝากไปถึงผู้เสียหายที่เหลือ เชื่อว่ายังมีอีกเยอะที่ไม่กล้าออกมาให้ข้อมูล ทุกคนควรจะออกมาเพื่อทวงสิทธิ์ของตัวเองในสิ่งที่เสียไป ผมยินดีไปร่วมให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ถ้าคุณจะไปแจ้งความ ผมพร้อมจะไปกับคุณ ไม่ว่าจะไปในฐานะพยาน หรือไปในฐานะผู้ต้องเข้ารับการตรวจสอบ ผมยอมรับว่าเปลี่ยนฝั่ง ก่อนหน้านี้ที่อยู่ฝั่งนั้นเพราะผมไม่รู้ ถ้ารู้ก็ไม่อยู่ตั้งแต่แรก วันนี้รู้ว่ามีผู้เสียหาย ผมก็พร้อมที่จะอยู่ข้างผู้เสียหายครับ

หนุ่ม กรรชัย ถามต่อว่ามิน พีชญา เป็นพรีเซ็นเตอร์เหมือนกันและได้เป็นบอสด้วย แต่ทำไม บอย ไม่ได้เป็น พระเอกคนดังตอบกลับมาชัดเจนว่า “ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะเขาไม่เคยชวนผม ชวนเป็นพรีเซ็นเตอร์เท่านั้น และผมเองก็ไม่เคยถามคนที่เป็นบอสทั้ง 3 เหมือนกัน ไม่กล้าถาม ไม่กล้าลงรายละเอียด สำหรับการยกเลิกสัญญา ผมไม่ได้เอามาเพื่อบรรเทาในสิ่งที่ทำไปแล้ว ทราบว่ามันลบล้างในสิ่งที่ทำผิดไม่ได้ ผมทราบว่าผมทำผิด แต่ผมไม่อยากไปยุ่งกับเขาแล้ว ผมพูดจริง ๆ ว่าผมรู้สึกว่าเขาหลอกผม หลอกผมคนเดียวไม่เท่าไหร่ แต่หลอกแล้วผมดันกลายเป็นเครื่องมือไปหลอกคนอื่นให้เขาเดือดร้อนต่อ ถ้าผู้เสียหายที่เดือดร้อน อยากให้ออกมา ถ้าออกมากันเยอะ สิ่งที่เกิดขึ้นยว่าจะมีน้ำหนักเยอะขึ้น ตำรวจก็น่าจะทำงานง่ายขึ้น ผมยินดีไปให้การที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เสียหายและทางตำรวจด้วย ฝากถึงคนบริษัทดัง ถ้ามั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเองก็ต้องกล้าที่จะเปิดหน้าออกมาพูด และฝากเอาบิลบอร์ดพรีเซ็นเตอร์ลง เพราะยกเลิกสัญญาแล้ว หากไม่เอาลงจะคิดเงิน ได้เงินมาจะเอาไปบริจาคช่วยการกุศล หลังจากนี้จะไปลงบันทึกในการแจ้งข้อมูลที่ไม่จริงในการทำงาน ทำให้หลงผิดจนทำให้คนอื่นเกิดความเสียหาย”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

boy_pakorn


เข้าชม 642 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม