แซม ยุรนันท์ เสียใจถูกด่าเป็นดาราลวงโลก แจงเคยเห็นแต่มุมคนที่สำเร็จ รับไปจี้ถาม พอล โกงไหม ?

ขอพูดชี้แจงในมุมตัวเอง! สำหรับพระเอกรุ่นใหญ่ แซม ยุรนันท์ ที่ถูกจับตาอย่างต่อเนื่องหลังเจ้าตัวมีชื่อนั่งแท่นผู้บริหารในบริษัทดัง ที่มีเหล่าดาราแถวหน้าเป็นพรีเซนเตอร์และนั่งแท่นผู้บริหาร ดำเนินธุรกิจขายตรง สร้างดาวน์ไลน์ ขายฝันให้ประชาชนมาร่วมลงทุน แต่สุดท้ายขายสินค้าไม่ได้ เงินหด ทุนหาย จนหลายคนคิดจบชีวิตเพราะหมดตัว


โดยวันนี้(9 ต.ค. 2567) แซม ยุรนันท์ เผยกับไนน์เอ็นเตอร์เทนว่า ตนเคยเห็นแต่ในมุมของคนที่ประสบความสำเร็จ เพราะเกือบปีที่มีส่วนร่วมในบริษัทนี้ เราได้เห็นแต่คนที่สำเร็จ เวลามีการจัดงานก็มีคนไปร่วมงานหลายพันคน เห็นว่าทุกคนสำเร็จ ขายดี ยอดขายทะลุเป้า เชื่อว่าทุกธุรกิจมีทั้งคนที่ขายได้และขายไม่ได้ แต่เราไม่เคยเห็นในมุมของคนที่เดือดร้อน พอเห็นในข่าวก็ตกใจ เราเองก็ไม่สบายใจ เพราะบางคนบอกเป็นเงินก้อนสุดท้าย สิ้นเนื้อประดาตัว เราเองก็ตกใจที่เป็นไปถึงขนาดนั้น เชื่อว่าปัญหาเกิดจากการที่ทุกฝ่ายไม่ได้คุยกัน ต่างฝ่ายต่างสาดใส่กัน ทำให้ปัญหายิ่งบานปลาย ถ้าหันหน้าคุยกันปัญหาน่าจะเบาลง ว่าขายได้เกิดจากอะไร และที่ขายไม่ได้เกิดจากอะไร

แซม เผยถูกอินบ็อกซ์มาด่า อยากให้รับฟังตนก่อน ไม่ได้นิ่งนอนใจ

พระเอกรุ่นใหญ่เล่าอีกว่า ที่ผ่านมา มีคน inbox มาด่าในไอจี ก็ตอบไปว่าไม่รู้เรื่อง แต่ไม่ได้แก้ตัวว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะตลอดเกือบปีที่ผ่านมาเราก็เกี่ยวข้องจริง แต่เกี่ยวข้องในเรื่องของการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไม่เกี่ยวข้องในเรื่องการบริหาร ไม่รับรู้เรื่องรายได้ กำไร ได้เม็ดเงินเท่าไหร่อันนี้เราไม่รู้ ตนมีหน้าที่ live ครึ่งชม. ทุกวันอาทิตย์ ถ้าผิดที่ผลิตภัณฑ์เราไม่ดี อันนี้เราผิด แต่ข่าวที่ออกมาคือผิดเรื่องการบริหาร ซึ่งเราไม่เกี่ยวข้องตรงนั้น ส่วนที่ออกมาพูดไม่ได้แก้ตัว แต่ชี้แจง ทุกคนออกมาด่า กลายเป็นว่าเราโดนไปด้วย ถูกด่าว่าเป็น ดาราลวงโลก เราว่าเป็นการกล่าวหาที่ไม่มีใครรับฟังเรา อยากให้ทุกคนรับฟังสิ่งที่เราพูดก่อน เกิดเรื่องแบบนี้เราไม่ได้นิ่งนอนใจ


พร้อมเล่าอีกว่าเมื่อวานนี้(8 ต.ค. 2567)ได้คุยกับคุณพอล วรัตน์พล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ถามว่ามีการโกง หรือทำไรผิดหรือเปล่า ทำไมเกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ คุณพอลยืนยัน ไม่ได้โกง ไม่ได้ทำผิดอะไร เขาเองก็ตกใจ และไม่นิ่งนอนใจเช่นกันกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราก็บอกให้เขารีบออกมาจัดการให้ถูกต้องเรียบร้อย สำหรับการเซ็นสัญญาของเรา เซ็นปีต่อปี ยังไม่ครบปี และเซ็นในฐานะเหมือนเราเป็นลูกจ้างคนหนึ่งที่เข้ามาดูแลในส่วนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เท่านั้น

แต่ประเด็นที่มีคนออกมาบอกว่า เปิดบ้านหรูเมืองกาญจน์ โน่นนี่ ทุกคนเห็นเราทำงานมา 40 กว่า เรามีตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมี เพิ่งทำตรงนี้ไม่ถึงปี ยินดีให้ตรวจสอบ เอาจริง ๆ เงินที่ได้จากการทำตรงนี้ไม่ถึงปี ได้เงินน้อยกว่าที่เราเคยทำงานมาด้วยซ้ำ แต่ที่เราทำเพราะเราอยากเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเอง การเลือกรับงานตรงนี้ เช็กยิ่งกว่าเช็ก เช็กทุกอย่าง กว่าจะเซ็นสัญญา ดูทั้งเรื่องการจ่ายภาษี รายได้รายรับ ผลิตภัณฑ์ที่เคยทำ ดีไม่ดียังไง ดูเม็ดเงินลงทุน ดูไปถึงว่าเคยมีการฟ้องร้องคดีอะไรหรือเปล่า เช็กหมดแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่เช็ก

พระเอกรุ่นใหญ่ มั่นใจในความบริสุทธิ์ ไม่ได้หลอกลวงใคร ไม่กลัวเสียภาพลักษณ์

ได้รับผลกระทบขนาดไหนจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ? แค่ไม่สบายใจ ถ้าบริษัทผิดจริง ก็ไม่เข้าข้างบริษัท อยู่วงการมาได้ยาวนานเพราะประชาชน ถ้าประชาชนเดือดร้อนก็ยินดีช่วยเหลือเต็มที่ ถ้า ตร. เรียกสอบ ก็ยินดีให้ความร่วมมืออยู่แล้ว เพราะมั่นใจในตัวเองว่าไม่ผิดหรือปิดบังอะไร ถ้าผิดที่ผลิตภัณฑ์เราก็ผิด แม้จะผิดเรื่องอื่นก็ยอมรับว่ามีส่วนผิดเพราะอยู่ในธุรกิจนี้ ยินดีให้ตรวจสอบได้ทุกเมื่อ เพราะมั่นในใจในความบริสุทธิ์ ไม่ได้หลอกลวงใคร ไม่กลัวเสียภาพลักษณ์ เสียชื่อเสียง เพราะมั่นใจไม่ได้ทำไรผิด อยากให้ทุกคนรับฟังสิ่งที่ตนพูดก่อน ส่วนใครจะตีความยังไงเป็นเรื่องของแต่ละคน มั่นใจทำงานมาหลายอย่าง ไม่ได้หลอกลวงใคร เพราะบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง


ตนคุยกับคุณพอลมาเดือนกว่าแล้วว่า ธุรกิจนี้ไม่เหมาะกับตน เพราะไม่เคยต้องมาเป็นลูกน้องใคร ปกติเป็นนายตัวเอง แต่อันนี้กว่าจะทำอะไรต้องผ่านหลายขั้นตอนกว่าจะออกผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้น ไม่ได้ตัดสินใจเซ็นได้ด้วยตัวเอง จะต่อสัญญาหรือไม่ยังตอบไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะต่อหรือไม่ต่อก็ต้องจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นให้ดีและเต็มที่ที่สุดก่อน จะต้องเยียวยา คืนเงิน หรือใด ๆ ก็ต้องคุยกัน เรากำชับเขาว่าต้องเร่งเคลียร์ให้เรียบร้อยโดยเร็ว.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

ภาพ : sam_yuranunt

เข้าชม 1,053 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม