เอส กันตพงศ์ รับเคยท้อ ฟื้นช่วงแรกจำภรรยาไม่ได้ อาบน้ำ-แปรงฟันต้องเปิดคลิปศึกษาใหม่

พระเอกดัง “เอส กันตพงศ์” เล่าชีวิตหลังจากนอนรักษาตัว เหตุวูบกลางงานดีเบตตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลันขั้นรุนแรง เรียกว่า “โคม่า” หยุดหายใจไปถึง 40 นาที ปั้มหัวใจกลางสยามเลยตอนนั้น และต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนาน 3 เดือน ซึ่งวันนี้(29 เม.ย. 2567)เจ้าตัวมาเปิดใจกับทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทน ว่า หลังฟื้นขึ้นมาความทรงจำหายไปเกือบหมดบางเรื่อง ส่วนบางเรื่องที่ชื่นชอบมาก ๆ ชอบทำหรือชอบดูก็จะจำได้อยู่ ร่างกายตอนนี้ถ้าใช้ในชีวิตประจำวันก็กลับมาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ถ้าในส่วนของสมองเกี่ยวกับความทรงจำก็ยังจำอะไรไม่ได้เยอะ ต้องค่อย ๆ เรียนรู้จากคลิปหรือภาพเก่า ๆ

หรือแม้แต่การไปพบเจอเพื่อนสมัยเด็ก ตอนเรียนมัธยม มหาวิทยาลัย หรือเพื่อนพ้องในวงการ เพื่อกระตุ้นความทรงจำให้กลับมา เช่น การสอบถามว่าตนนิสัยเหมือนเดิมหรือไม่ ต่างจากก่อนป่วยหรือเปล่า ซึ่งเพื่อน ๆ ก็สรุปได้ว่าตอนนี้หนุ่มเอสอารมณ์และลักษณะนิสัยเหมือนตอนกำลังเรียนมหาวิทยาลัยมีความตลกและสดใสมากกว่าตอนโตแล้ว หนุ่มเอสเล่าต่อว่าตอนที่ฟื้นมาในช่วงแรก ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับอะไรเหลือเลยยกเว้นเรื่องงาน แม้แต่ภรรยาก็จำไม่ได้ การใช้ชีวิตประจำวันก็ไม่สามารถจำได้ อย่างเช่น ชื่ออาหาร การอาบน้ำแปรงฟัน ต่าง ๆ เหมือนเด็กที่ไม่สามารถทำเองได้ ไม่รู้จักสิ่งของ จนญาติต้องเปิดคลิปวิดิโอให้ดูว่าต้องทำอย่างไร ทุกอย่างเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ยอมรับว่ามีท้อและคิดว่าทำไมเรื่องราวแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับตน แต่ก็พยายามใช้ธรรมมะนำทางความคิด และยอมรับสภาพค่อย ๆ เรียนรู้ทุกอย่างใหม่ตั้งแต่ศูนย์ หากเทียบอายุสมองในตอนนี้จากากรสอบถามเพื่อน ๆ ก็เทียบได้ประมาณอายุ 25 ปี

แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีที่ตนนั้นมีภรรยา “คิตตี้” ลูกสาว “วาเลนติน่า” และครอบครัวคุณพ่อคุณแม่รวมไปถึงญาติ ๆ ที่คอยดูแลในกำลังมาโดยตลอด โดยเฉพาะภรรยาที่คอยอยู่เคียงข้างแม้ในวันที่ตนนอนนิ่งอยู่บนเตียง จากเดิมที่ภรรยาจะรับหน้าที่ดูแลลูกเป็นแม่บ้านเต็มตัว ก็ต้องมีการรับงานเพิ่มเติมรวมไปถึงดูแลลูกและดูแลตนอีกด้วย เคยโกรธตัวเองว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้แต่ก็คิดได้ว่าทุกอย่างมีเกิดขึ้นและดับไป ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ความคิดบางส่วนต่างไปจากเมื่อก่อน และมองว่าคิดถูกที่เลือกภรรยาคนนี้เป็นคู่ชีวิต เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก ไม่เคยแม้แต่ร้องไห้ให้ตนเอง พยายามคอยช่วยในทุก ๆ เรื่องมาตลอด รวมไปถึงครอบครัวและญาติ ๆ ที่คอยดูแล ที่มีความยากคือความทรงจำที่หายไปของตนแต่ทุกคนก็ยังสู้ ตนโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวนี้

แพลนงานในอนาคตตอนนี้ยังอยากกลับมาเล่นละครเหมือนเดิม แต่ก็คงไม่สามารถเล่นฉากบู๊ได้เพราะปัญหาเรื่องของสุขภาพ แต่ตนก็ยังอยากลองบทใหม่ ๆ เช่นคอมเมดี้ซึ่งก็เป็นบทที่ไม่เคยลองมาก่อน และยังมีรายการที่ตนนั้นเป็นพิธีกรอยู่ก็อาจจะได้เห็นตนในหน้าจออีกครั้ง ส่วนสัญญาที่หมดไปกับอดีตต้นสังกัดอย่างวิกหมอชิต เจ้าตัวเล่าว่าหมดในช่วงที่คาบเกี่ยวระหว่างตนป่วยพอดี แต่ทุกวันนี้ก็เป็นเหมือนสัญญาใจต่อกัน ยืนยันว่าไม่ได้หายไปจากช่องแน่นอน แต่ก็ออกมารับงานเองอิสระ ในส่วนของภรรยาก็ไม่ได้บังคับให้ทำงานแต่อีกฝ่ายก็อยากเริ่มทำงานบ้างแล้ว ส่วนภรรยาและลูกสาวจะเข้าวงการตามรอยตนหรือไม่นั้นก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตและอยากให้เจ้าตัวได้เลือกเอง ไม่อยากบังคับอีกฝ่าย พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจจากแฟน ๆ ที่คอยส่งให้กันมาโดยตลอดเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา และขอบคุณทีมแพทย์และพยาบาลที่คอยช่วยดูแลและรักษาตนอย่างดี และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือครอบครัวที่ดีที่สุด.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 156 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม