ป้าปูนา โล่ง! เคลียร์ตัวเองจบทุกประเด็น อโหสิกรรม จั๊กกะบุ๋ม แค่ทางโลก แต่ทางกฎหมายยังคงเดิม

จากกรณีเพจอีกี้ขยี้ข่าวออกมาโพสต์ข้อความชวนให้สืบต่อว่ามีผู้เสียหายส่งข้อมูลมาให้ว่า ป้าปูนา เจ้าหนี้ตลกดัง จั๊กกะบุ๋ม ก็โกงคนอื่นมาเหมือนกัน ทั้งยังตั้งประเด็นเรื่องที่ป้าปกปิดเรื่องที่เคยออกรายการโหนกระแสมาก่อน ประเด็นใส่แมสก์ปิดปังใบหน้า และเรื่องที่เคยเลี้ยงเด็กแต่กลับทำร้ายร่างกายเด็ก ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้(4 เม.ย.67) ป้าปูนา เดินทางมาเคลียร์ทุกประเด็นผ่านทางรายการโหนกระแส พร้อมด้วย กัน จอมพลัง และทนายความ


โดย ป้าปูนา เผยว่า “แม่หลังจากเห็นข่าวก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น มั่นใจว่าเราไม่ได้โกงใคร ตัดสินใจพูดอีกครั้งเพราะโดนลูกค้ายกเลิกออเดอร์ มันส่งผลกระทบกับเรา เริ่มต้นด้วยประเด็นแรกคือมาออกโหนกระแสหลายรอบแล้วทำไมเมื่อวานไม่บอก เหตุผลเพราะตอนนั้นที่มาออกเป็นเรื่องที่ลูกชายของแม่ ตอนนั้นเขาอายุ 12 ปี เขาเป็นนักกีฬาว่ายน้ำแล้วถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกายในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน กทม แต่โรงเรียนบอกว่าเป็นการเล่นกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้แม่และลูกของแม่กลายเป็นผู้ป่วยจิตเวชคู่วันก่อนที่มาออกรายการไม่อยากพูดถึง เพราะกลัวคนอื่นจะได้รับผลกระทบ แต่วันนี้แม่ยอมที่จะพูด เพราะลูกแม่แข็งแรงแล้ว และเขาก็อนุญาตให้แม่พูด ส่วนเรื่องที่แม่ใส่แมสก์ เป็นเพราะแม่เป็นผู้ป่วยเรื้อรังโรคหอบหืด ลิ่มเลือด ต้องใช้ยารักษาต่อเนื่อง และไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เวลามีกลิ่นอะไรก็แล้วแต่ที่มีผลกระทบ เช่น กลิ่นน้ำหอม มันจะทำให้เราเป็นหอบหืด แม่ไม่ได้ใส่แมสก์เพราะต้องการปิดบังอำพรางใบหน้า วันนี้ให้เปิดโชว์ก็เปิดได้” พูดจบ ป้าปูนา ก็เปิดหน้าโชว์ ก่อนจะพูดต่อว่า “ใครเห็นแล้วแล้วคิดว่าเราโกงติดต่อมาได้เลย” สำหรับประเด็นที่โดนหาว่า “โกง” แม่พร้อมเคลียร์ทุกกรณี

จากนั้น หนุ่ม กรรชัย ได้ต่อสายหา ปอ ดวงลักษณ์ ที่เคยติดต่อซื้อขายกระดองปู น้ำปู กัน โดย ป้าปูนา ยอมรับว่า รู้จักกับบุคคลในสาย เพราะติดต่อซื้อขายกระดองปู น้ำปู ลักษณะคือโอนตังค์ไปไว้ให้ก่อน เขามีของค่อยส่งมา บางทีเขาก็ส่งของมาก่อน แล้วเรามีเงินค่อยจ่ายให้เขา แม่ยินดีคุยกับเขา ไม่แจ้งความฟ้องร้องเอาผิดทีหลัง ฝั่งของ ปอ ดวงลักษณ์ เผยว่า เคยค้าขายด้วยกันกัน ป้าปูนา เคยทำน้ำปูส่ง และค้าขายกระดองปู ตอนนี้ได้เงินจาก ป้าปูนา ครบหมดแล้ว แต่ที่มีปัญหาคือชาวบ้านที่ลงทุนเตาไปทำน้ำปู แต่ติดต่อแม่ปูนาไม่ได้ ประกอบกับแฟนคนที่ทำน้ำปูด้วยประสบอุบัติเหตุ จึงมาเค้นเอาเงินกับตน แต่ตนไม่มี เขาแนะนำให้แจ้งความ แต่ตนไม่ทำ เพราะเคยทำการค้าขายกันอยู่ จึงพยายามติดต่อ จนติดต่อได้ ฝั่งแม่ปูนาและชาวบ้านคุยกัน ตกลงเคลียร์เงินกันเรียบแล้ว แต่ปัญหาคือน้ำปู 200 กิโลที่ชาวบ้านทำไว้ ไม่มีคนซื้อ แม่ปูนา ไม่ซื้อแล้ว ชาวบ้านเขาก็เดือดร้อนกัน เพราะก่อนหน้านี้ แม่ปูนา มาติดต่อเราว่าจะเอาน้ำปูมาขาย ชาวบ้านก็ลงทุนทำให้ เพราะเห็นว่ามีช่องทางจะขายได้

ก่อนที่ ป้าปูนา จะเล่าต่อว่า “แม่ค้าขายกับดวงลักษณ์คนเดียว แต่สักพักดวงลักษณ์มาบอกว่าชาวบ้านอยากทำมาขายด้วย ทำมาได้ไหม แม่ก็บอกว่าได้ทำมาเลย ให้รีบทำ เพราะมีเวลา 3-4 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้นปูจะไม่สวย แต่ก่อนจะเอามาต้องมาเทสก่อนว่ารสชาติใกล้เคียงกับสูตรของเราไหม แล้วตอนที่เราไม่สบาย แอดมินแอบเอาบัญชีตัวเองให้ลูกค้าโอนเงิน พอเรารู้เราก็ไล่เขาออก แต่ก่อนจะออกแอดมินแอบสลับบัญชีเพจ เราตั้งใจว่าหลังออกจากโรงพยาบาลจะจ่ายค่าของ แต่ยังไม่วันออกจากโรงพยาบาลเขาก็ทวงเงินมา เราก็โอนจ่ายไป ยืนยันว่าไม่ได้มีการสั่งน้ำปู 200 กิโล เรารับตลอด รับเรื่อย ๆ มีเท่าไหร่ก็เอามา แต่ตอนที่เราป่วย อยู่โรงพยาบาลเขาส่งข้อความ โทรเข้ามาหาเด็ก ทวงเงินมาตี 4 ตี 5 ทั้งที่เราบอกแล้วว่าวันที่ออกจากโรงพยาบาลจะโอนจ่ายให้ 50,000 บาท เราก็รู้สึกว่าถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็เลิกค้าขายกันไป เราไม่ได้มีปัญหากับเขา แต่มีปัญหากับชาวบ้าน ตอนนี้ถ้าเขายังส่งมา และเทสผ่านมาตรฐานตามสูตรของเรา ใครที่เราไปโกง ไปสั่ง เรายังติดค้าง ให้ติดต่อเข้ามา ยืนยันว่าเราไม่ใช้ปูของภาคเหนือ เรามีฟาร์มปู และปูจากพันธมิตรส่วนหนึ่ง” จากนั้น ปอ ดวงลักษณ์ ขอแก้ต่างว่า “ชาวบ้านไม่ได้บอกว่าจะทำ แต่ป้าปูนาบอกว่าไม่เอา เอาที่ชาวบ้านทำนั่นแหละ น้ำปูที่เหลือเราไม่รู้จะไปขายที่ไหนเลย ถ้าเรามีทุนก็จะทำเรื่อย ๆ จนหมดฤดูปู เขาก็บอกว่าเขารับเรื่อย ๆ จนหมดฤดู ชาวบ้านทุนน้อยก็ซื้ออุปกรณ์ใหม่ ครั้งสุดท้ายเขาบอกว่าเขาจะออกบูธจะติดต่อไม่ได้เป็นเดือนนะ ชาวบ้านเขาก็กลัวจะโดนโกง ทุกครั้งที่เขาสั่ง เค้าจะฉลาดพอที่จะไม่แชตสั่ง แต่จะโทรสั่ง หาหลักฐานการสั่งซื้อไม่มี น้ำปูโลละ 400 บาท ตอนนี้ก็ยังขายไม่หมด ขายได้ทีละ 1-2 กิโล เพราะไม่ได้มีตลาดกว้าง เราต้องการให้เขาซื้อ 200 โลนี้ไป ให้สัมภาษณ์ไม่ได้ต้องการให้ใครเสียชื่อเสียง แต่อยากให้รับผิดชอบกับความบ้าน ไม่ได้จะฟ้อง เราต้องการขอความเมตตา เหมือนตอนที่คุณขอคุณจั๊กกะบุ๋มได้ไหม เขาบอกว่าเขายังรับอยู่ แต่ต้องเทสให้ผ่านมาตรฐานก่อน แล้วเราจะมั่นใจได้ว่าจะให้เทสผ่าน ในเมื่อเขาก็เอาของเราไปเยอะ เขาไม่ได้โกงเรา แต่ขอร้องให้เขาช่วยระบายของให้เขาหน่อย เพราะเราก็ยิงแอดเสียเงินไปแล้ว แต่มันก็ยังขายไม่ได้ หลังจากที่ป้าปูนาบอกหยุดค้าขายกัน เราก็บอกให้ชาวบ้านหยุดผลิต แต่ตอนนี้ของมันยังเหลือค้างอยู่ ราคาขายโลละ 400 บาท มี 200 โล เป็นเงินประมาณ 80,000 บาท ส่วนเรื่องที่จะโกง ก่อนหน้าที่จะมีปัญหา เคยเช็กไปในเพจปูนา เหมือนมีคนเข้ามาเมนต์ใต้โพสต์เราว่าคนนี้ติดต่อกันไม่ได้ เขาเป็นคนส่งปู มาบอกว่ายังไม่ได้เงินเหมือนกัน แต่เราก็ไม่ได้แคปไว้ อ่านผ่าน ๆ ค่ะ” จากนั้นได้มีลูกเพจที่ดูข่าวให้ข้อมูลว่า “แอดมินเอาเงินป้าปูนาไปจริง”

ต่อด้วยเคสของนิคม ติใหม่ ที่ ป้าปูนา ชี้แจงว่า “อีกฝ่ายทำมันปูขาย แต่ตนไม่มีข้อมูล ไม่มีปัญหาอะไรกัน แต่เลิกค้าขายกัน เพราะเขาส่งของไม่มีคุณภาพมาให้เรา มูลค่าความเสียหาย 46,000 กว่าบาท เขาโทษว่าเป็นความผิดของขนส่ง ให้เราไปจี้เอากับขนส่ง ขนส่งชดใช้ให้เรา 20,000 บาท ไม่ได้มีอะไรค้างคาต่อกัน เราขาดทุนไป 20,000 กว่าบาท แต่ก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกันแล้ว” จากนั้น หนุ่ม กรรชัย ให้ทีมงานต่อสายถึงเคส ชัชวาล เพจปูนา เชียงใหม่ ซึ่งปลายสายยืนยันว่า ไม่เคยโดน ป้าปูนา โกง ไม่ได้ร้องเรียนอะไร แต่เคยค้าขายด้วยกันเมื่อนานมาแล้ว ค้าขายกันปกติ ไม่ได้มีการโกง ส่งของไป แม่ปูนาก็โอนเงินกลับมาให้ เราไม่เคยมีประเด็นอะไรกัน” ก่อนที่ ป้าปูนา จะยืนยันชัดเจนว่าตนเองไม่ว่าเคยทำธุรกิจในลักษณะแชร์ลูกโซ่ ใครอยากขายต้องจ่ายเงินมาอย่างที่หลายคนเข้าใจ และไม่เคยไปด่าคนที่มาขายของเหมือนกันอย่างที่ถูกกล่าวหา

ส่วนประเด็นรับเลี้ยงเด็ก แล้วสร้างรอยแผลทางกาย ทางใจให้เด็ก ป้าปูนา ยอมรับว่าเคยทำอาชีพพี่เลี้ยงเด็ก แล้วทำให้เด็กคนหนึ่งโดนน้ำร้อนลวก เคสนั้นเป็นเด็กอายุขวบกว่า ตอนนั้น ป้าปูนา ชงโอวัลติน วางไว้ ซึ่งแก้วที่ใช้ค่อนข้างจะปากกว้าง ชงเสร็จก็เอาวางไว้บนโต๊ะ แล้วหันไปหยิบของอีกอย่าง แต่ระหว่างนั้นเด็กเขาปากจุ่มลงไปในแก้ว แล้วโดนน้ำร้อนลวกปาก เราก็รีบพาน้องไปโรงพยาบาล น้องมีแผลรอบ ๆ ปาก คุณหมอก็เรียกไปคุย บอกลักษณะปากแผลยืนยันว่าไม่ได้เกิดการจากสาดน้ำร้อน แต่เป็นการเอาปากจุ่มลงไป เราก็ไปเคลียร์กันที่โรงพัก แม่เด็กบอกจะไม่แจ้งความคราวหนี้แม่ของเด็กฝากแม่เลี้ยงเด็กไว้ 2 เดือน แล้วยังไม่จ่ายเงิน ขอไม่จ่ายและขอเงินจากเราเพิ่มรวมแล้ว 4 หมื่นเพื่อขอให้จบ เราก็ยอมจ่ายแล้วแยกย้ายกันไป แต่หลังจากนั้นมีหมายศาลมาที่บ้าน ก็เลยไปเจอกันที่ศาล ศาลตัดสินว่ากระทำโดนประมาณทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ศาลสั่งปรับ 2,000 บาท แต่ก็ไม่ได้จำคุก

จากนั้นทีมงานได้ต่อสายหา ปลา ซึ่งเป็นรับจ้างเลี้ยงเด็กเหมือนกัน แต่มองว่าพฤติกรรมของ ป้าปูนา แปลก ๆ รับเลี้ยงเด็กในราคา 3,000 บาท ทั้งที่คนอื่นไม่ทำกัน แถมยังชอบมีพฤติกรรมแคปข้อความที่มีคนมาด่าตัวเองแล้วไปแจ้งความ สน.ท่าข้าม คือขึ้นชื่อเลย โดย ปลา เล่าว่า “ไม่รู้ว่าจะสรุปว่ายังไง แต่อยากให้สังคมช่วยคิดว่าคืออะไร เหตุเกิดปี 61 เรารับเลี้ยงเด็ก ป้าปูนา ก็รีบเลี้ยงเด็กเหมือนกัน ในกลุ่มรับเลี้ยงเด็กก็จะมีคนมาโพสต์หาพี่เลี้ยงเด็ก แกล้งเป็นลูกค้า โทรกลับมาถามข้อมูล เราก็บอกข้อมูลจากเราไป เราก็เอะใจ แต่ก็จะมีเคสเรื่อย ๆ ว่าติดต่อยาก ติดต่อไม่ได้ มีอะไรก็จะมาถามเรา กระทั่งมีเคสน้องคนลาว มีเงินจ้างแค่ 3,000 บาท คนอื่นไม่รับ แต่ ป้าปูนา รับเลี้ยงเด็ก บอกว่าบ้านเขาอยู่ใกล้ ทั้งที่ความจริงเป็นไปไม่ได้ บ้านป้าอยู่ท่าข้าม พระรามสอง แต่บ้านน้องอยู่สวนหลวง เดี๋ยวไปรับไปส่งให้ด้วย ซึ่งมันไม่เมกเซนต์ไม่ได้ เราก็รู้สึกแปลก ๆ เลยไปเล่าให้น้องฟัง แล้วโพสต์เตือนในเพจ ป้าก็แคปข้อความในเพจไปแจ้งความ ตำรวจเรียกไปคุยป้าอยู่ด้านนอก แต่น้องกับสามีคุยข้างในแต่มันไม่ใช่ชื่อของป้า ตำรวจให้จบกันไป รุ่งขึ้นตำรวจโทรหาน้อง บอกป้าเรียก 50000 บาท ตลอด 1 ปีที่เราติดตามดู เขาชอบแคปว่าคนนั้นคนนี้ เราไม่ได้ว่าเขาไม่ดี แต่มีพฤติกรรมแปลกคน มีปัญหากับใครจะแคปหน้าจอ บันทึกเสียง เพื่อเรียกรับเงิน เราเตือนเพราะเป็นห่วงว่ามีเคสแบบนี้นะ ให้ดูกันดี ๆ เนื่องจากเด็กพูดไม่ได้ ป้าบอกว่าไม่เรียกเก็บเงิน แต่ให้ดูพฤติกรรมป้าเอาเอง คนปกติเค้าไม่ขึ้นโรงพักทุกวี่ทุกวัน เอาเวลาไปทำมาหากินดีกว่า เราก็แค่เตือน เราผิดตรงไหน คนไทยสืบเก่งลองไปขุดดูนะคะ” ป้าปูนา ชี้แจงตรงนี้ว่า “เคสนี้มีเด็กจากลาวเขามาโพสต์ว่ามีงบแค่ 3,000 ในเคสของคนเลี้ยงเด็กราคานี้เขาจะไม่รับกัน มันไม่ได้อะไร แต่เราเห็นใจ โทรไปหาน้องบอกว่าเรารับเลี้ยงได้ ไม่มีปัญหา เราไม่ได้มองว่าแค่ 3,000 บาท แต่เราอยากช่วย แต่คนอื่นมองว่ามันแปลก เราก็เลยแคปแล้วไปแจ้งความ แต่ไม่ได้มีการเรียกเก็บเงิน บางคนแม่ยินดีเลี้ยงให้ฟรีถ้าเดือดร้อนจริง ส่วนเคสที่บอกว่าแม่เรียกเงิน 50,000 เพราะเขาเอาเด็กมาให้เราเลี้ยง แล้วไม่จ่ายเงิน แต่ไม่มีเอกสาร ใบเกิดอะไรของเด็กเลย พม ลงมาตรวจ แล้วบอกว่าเรามีคุณสมบัติที่เลี้ยงเด็กได้ จนเกิดการตามหาแม่เด็ก เพื่อเอาใบเกิด ถ้าแม่เขาไม่เอาเด็กคนนี้ ให้เอาเอกสารเด็กมา แล้วเราจะรับเลี้ยงเด้กคนนี้ แต่แม่เด็กไม่ประสงค์ให้เด็กอยู่กับเรา แต่จะให้เด็กเขาสถานสงเคราะห์ เราก็เลยบอกว่าไปว่าถ้าให้เด็กอยู่กับเรา เราเลี้ยงให้ แต่ถ้าจะเอาเข้าสถานสงเคราะห์ ตอนที่เราเลี้ยงมันมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 10,000 บาท เราเลี้ยงให้ 5 เดือน จ่ายมา 50,000 บาท แล้วเวลาแม่ด่าใคร ด่าแรง ด่าให้จำ เพราะแม่เด็กไม่จ่ายเงินให้เราเนื่องจากไปติดผู้ชายคนใหม่ ถ้าแม่เด็กตั้งใจทำมาหากิน แล้วมีเงินไม่พอ แม่ยอมไปยืมเงินดอกเบี้ยร้อยละ 20 มาดูแลเด็ก

จากนั้นทีมงานต่อสายหา “มอ” แม่ของเด็กคนหนึ่งที่เคยนำลูกมาฝากให้ ป้าปูนา เลี้ยง เล่าว่า “ตอนแรกเราเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว กระทั่งลูก 7 เดือน คิดว่าจะต้องไปทำงานแล้ว ตอนแรกจะเอาลูกไปฝากให้แม่เลี้ยง แต่ป้าเขาบอกว่าเอามาให้ป้าเลี้ยงก็ได้ ป้าเลี้ยงให้ฟรี จากการที่ติดตามมาก็เห็นว่าป้าเลี้ยงเด็กดี ช่วงเวลา 2 เดือนแรกที่ฝากเลี้ยง หนูถามว่าจะคิดค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูยังไง ป้าก็ชอบเปลี่ยนเรื่อง แล้วที่ป้าบอกว่าติดผู้ชาย ไปอยู่กับผู้ชาย จริง ๆ แล้วไม่ใช่ค่ะ แต่เรามีปัญหากับป้า บางทีหนูป่วยแต่ไม่ได้แจ้งป้า เพราะมองเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เดือน ก.พ.หนูไปหาแฟน เขาส่งข้อความมาบอกว่าให้เอาเงินแสนกลับมาจากแฟนนะ แล้วป้าก็จะแขวะหนูแบบนี้ตลอด หนูไม่ได้อยู่กับแฟนตลอด นาน ๆ ถึงจะได้เจอกัน ใช่ค่ะ ตอนนั้นที่หนูไม่สบาย เพราะหนูไปทำแท้ง แต่มองว่าเป็นปัญหาส่วนตัว ไม่อยากเอาไปให้ป้าไม่สบายใจ หนูทำแท้งถูกฏหมาย แล้วมันมีรกติดอยู่ ก็บอกป้าไปตรง ๆ และโอนเงินให้ป้า แต่ป้าพูดกับหนูว่าเอากันจนพัง หนูก็ทนมาตลอด จนทนไม่ได้ก็เลยเอาลูกกลับมา พอเอาลูกมาแกก็ทักไปหาแม่แฟนหนู ทำให้เรื่องมันวุ่นวาย ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดี เขาดี เขามีบุญคุณกับหนู เคยช่วยเหลือหนู เขาเข้าหาใคร เพราะเขารู้ว่าใครมีปัญหาชีวิต เขาสอนหนูก็เข้าใจ คำว่าสอนก็อยู่ส่วนสอน ป้าชอบกดดันคนอื่นด้วยคำพูดและการแขวะ มันไม่ใช่ทุกคนที่จะรับคำพูดได้ หนูอดทนมาตลอด ถ้าป้าหวังดี ควรจะลดความรุนแรงของคำพูดลง ป้าไม่ได้เลี้ยงลูกให้หนูฟรี สุดท้ายหนูก็โอนเงินให้เขาอยู่ดี แล้วยิ่งเขามาว่าเพราะว่าหนูมีผู้ชาย เอาจริง ๆ หนูก็จ่ายได้เท่าที่หนูจ่ายไหว หนูป่วยบ่อยก็อยากให้เขาเข้าใจหนูด้วย เขาบอกว่าหนูไม่สนใจลูก จะไม่สนใจได้ยังไง หนูโทรหาป้าตลอด กับแฟนหนูไม่ได้เจอกัน จะไม่ให้หนูเวลากุ๊กกิ๊กกันเลยเหรอ หนูอาจจะติดสายโทรคุย แต่ไม่ใช่ไม่สนใจลูก แล้วยังเอาใบรับรองแพทย์หนูไปโพสต์ประจาน ส่วนค่าเลี้ยงดูป้าก็บอกว่าให้แต่ก็ไม่ควรจะน้อยไป หนูก็ให้ 9000 บาท” ป้าปูนา เล่าต่อว่า “ป้าไม่ได้แขวะ เขาบอกว่าเขาไม่สบาย แต่ความจริงคือเขาไปทำแท้ง เราเก็บเงิน เพราะเขาไม่สนใจลูก ใบรับรองแพทย์ที่พสต์ถาม เพราะเขาบอกว่าเขาเป็นโควิด แต่เพื่อนเขามาบอกเราว่าเขาไปทำแท้ง เราก็เลยไปโพสต์สอบถามผู้รู้ว่ายานี้ใช้สำหรับอะไร เขาก็บอกว่าเป็นยาสำหรับผู้หญิงตกเลือด” ต่อด้วยสายของ แม่ตั๊ก ที่โทรเขามาเล่าว่า “การที่แม่ปูนา ร้องไห้น่าสงสาร นั่นคงเป็นกรรมของแกที่เคยทำกับเราไว้ เหมือนกับที่แกทวงกับตลกคนนั้น ก็เคยทำกับเราแบบนั้นเหมือนกัน แต่เราได้รับเงินคืนหมดแล้ว แต่กว่าจะจ่ายก็เหมือนกับที่เขาได้รับผลจากตลกคนนั้น เขายืมเรา 50000 บาท ใช้เวลาประมาณ 4 เดือนถึงจะยอมคืน เรามองว่ามันนานเกินไป สิ่งที่เขาโดนอาจจะเป็นกรรมของแม่ก็ได้ที่เคยทำกับคนอื่น เลยได้ไปเจอคนที่สมน้ำสมเนื้อกัน เราก็เอาเงินในธุรกิจของเราไปให้เขาหมุน เราก็ทวงถามจนเหนื่อยเหมือนกัน”

ขณะที่ กัน จอมพลัง อาสาเป็นตัวกลางประเด็นน้ำปู ของ จอมลักษณ์ โดยให้ทีมงานโหนกระแสช่วยชิมเพื่อความเป็นกลางว่ารสชาติจะผ่านตามสูตร โดยนัดแนะให้นำน้ำปูมาส่งที่ตึกมาลีนนท์ ก่อนจะฝากถึง คุณปลา ที่ต่อว่า ป้าปูนา ว่า “อย่าเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานตัดสินคนอื่น ทุกคนมีสิทธิ์ของตัวเอง” ทั้งยังบอกอีกว่าตนเองเชื่อว่าป้าปูนาคือทองแท้ ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ เพราะวันนี้ป้าปูนาสามารถเคลียร์ตัวเองได้ทุกประเด็น หากเปรียบการเป็นการเล่นกีฬา ป้าปูนาทำคะแนนนำคู่ต่อสู้ไป 3-0 แล้ว ด้านทนายปราย ให้ความรู้ด้านกฏหมายเพิ่มเติมว่า คำว่า “โกง” ต้องแยกกันก่อนว่าในการทำธุรกิจเดียวกัน ถ้ามีใครมาทำอะไรส่งผลกระทบกับเราก็สามารถไปแจ้งความ เป็นสิทธิ์พื้นฐานที่จะทำได้ มันไม่ผิด” จากนั้น ป้าปูนา ได้กล่าวต่อว่า “แม่พอใจที่เคลียร์ตัวเองได้แล้ว แต่หากใครมีประเด็นอยากให้เคลียร์อีกก็พร้อมจะมาเคลียร์ แต่นาน ๆ มาทีแล้วกัน ขอเอาเวลาไปทำมาหากินก่อน ส่วนคู่กรณีอย่าง จ๊กกะบุ๋ม ที่ตั้งใจจะบวช แม่อโหสิกรรมให้ในทางโลก แต่ทางกฏหมายก็ว่ากันตามกฏหมาย ถามว่าจะเอาเงินคืนจากเขาไหม ทางโลกแม่ยกให้หมดไม่เอา แต่ทางกฏหมายว่ากันไปตามนั้น ” จากนั้น หนุ่ม กรรชัย กล่าวปิดท้ายว่า เพจหลาย ๆ เพจอาจจะดูเป็นเพจสายดาร์ก แต่เขาก็ช่วยสังคม อย่าไปโกรธเขา อย่างน้อยวิกฤตก็เป็นโอกาสที่ให้เราได้ชี้แจง เขาดูอยู่ก็จะได้รู้.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 155 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม