ต้า อัตตา ผกก. “เพื่อน(ไม่)สนิท” ภูมิใจหนังเป็นตัวแทนเข้าชิงออสการ์ 96

เอ่ยปากว่าดีใจและขอบคุณที่เลือกภาพยนตร์ “เพื่อน(ไม่)สนิท” ให้เป็นตัวแทนหนังไทยชิงออสการ์ ครั้งที่ 96 ผู้กำกับรุ่นใหม่ไฟแรง “ต้า อัตตา เหมวดี” เผยว่าภูมิใจและรักหนังเรื่องนี้มาก ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ทราบว่าใครเป็นคนเลือก คาดว่าคนที่เลือกให้เข้าชิงรางวัลก็คงเห็นอะไรบางบางอย่าง และเข้าใจสารที่ตนตั้งใจจะสื่อออกมา ซึ่งก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เป็นตัวแทนชิงรางวัลออสการ์ ส่วนใหญ่ไปโฟกัสการทำหนังวิธีการมากกว่าไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้รางวัลอะไรขนาดนั้น รู้สึกขอบคุณ ถึงแม้รางวัลจะเป็นผลตอบแทนสำหรับคนเบื้องหลังแต่ก็คงไม่ใช่ตัวที่วัดผลสำเร็จทั้งหมดของหนัง ไม่ได้รู้สึกตัวเองสำเร็จมากขนาดนั้นแต่รู้สึกไปในทางขอบคุณมากกว่า ในอนาคตก็อยากจะพัฒนาฝีมือไปเรื่อย ๆ อยากทำหนังอีกหลาย ๆ เรื่องอยากเก่งในเส้นทางนี้ให้ได้สำหรับเรื่อง เพื่อน(ไม่)สนิท ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับตน

อย่างกระแสที่หลาย ๆ คนมองว่าหนังไม่เหมาะสมเป็นตัวแทนเข้าชิงรางวัลออสการ์หรือไม่ ในฐานะผู้กำกับมองว่าให้เป็นการตัดสินใจของคนเลือก เพราะคนที่เลือกเขาได้ดูหนังก่อนแล้ว พอหลังจากทำหนังเสร็จมาสักพักก็รู้สึกไม่มีอะไรกังวลแล้ว ความคาดหวังตอนนี้ยังไม่กล้าคาดหวังอะไรเยอะ แต่มีการพูดคุยกับทีมนักแสดงว่าถ้าเกิดประสบความสำเร็จ หรือ จะเจ๊งโดนด่า ตัวเองโอเคมากยอมรับได้และรู้สึกขอบคุณนักแสดงเสมอที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ส่วนรายได้คิดว่าคาดว่าร้อยล้านคงเป็นเลขรายได้ที่ทุกคนพูดถึงและอยากได้กันเยอะที่สุดแล้ว

เพราะช่วงนี้มีหนังที่ทำรายได้สูงอย่าง “สัปเหร่อ” และอีกเรื่องที่โดนจับตามองอย่าง “ธี่หยด” จนหลายคนกังวลว่า “เพื่อน(ไม่)สนิท” จะมีกระแสสู้ได้หรือไม่ ในฐานะผู้กำกับไม่รู้สึกกลัวกระแสอะไรเลย รู้สึกดีใจที่คนหันมาสนใจหนังที่เข้าโรง ส่วนตัวชอบดูหนังของจักรวาลไทบ้านอยู่แล้ว เคยเจอผู้กำกับอย่าง “ต้องเต” รู้สึกว่าเป็นแก๊งที่น่ารักและมีไฟมาก ส่วนเรื่อง “ธี่หยด” คนก็ให้ความสนใจเยอะ มองว่าเป็นมวลที่ดีที่คนหันมาสนใจ รู้สึกดีที่เรื่อง เพื่อน(ไม่)สนิท ได้เข้าฉายช่วงนี้ เป็นหนังที่เล่าเรื่องเล็ก ๆ ได้อยู่ในบริบทที่คนกำลังรู้สึกดีกับหนังไทย มาดูหนังไทยมากขึ้น ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรแบบนั้น

สำหรับการเปิดรับแนวหนังใหม่ ๆ ของผู้ชมก็เป็นเรื่องที่ดี ส่วนตัวไม่ได้อยากทำหนังตามกระแส ทำตามในสิ่งที่อยากจะเล่าออกมา ไม่ใช่ว่าหนังแนวนี้กำลังดังจะต้องกลับไปทำบ้าง อยากเป็นตัวเองที่มีความเชี่ยวชาญมากขึ้นในแบบที่ตนอยากจะเล่า ส่วนคนอื่นก็เชื่อว่าก็คงเป็นตัวเค้าเอง บางเรื่องก็ได้ดูและรู้สึกว่ามันดีมากแต่ตัวเราไม่ได้อยากทำแบบนั้นและไม่มีทางทำได้อยากทำในสิ่งที่ตนจะทำ ซึ่งไม่รู้ว่าทางค่ายอย่างGDHจะคิดอย่างไร แต่เชื่อว่าคนเบื้องหลังของวงการหนังไม่ได้คิดอะไรเล็กน้อย ส่วนตัวอยากให้หนังไทยไปให้ไกลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และรู้สึกดีที่คนกลับมาดูหนังในโรงกันมากขึ้นอีกครั้ง.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 342 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม