“ชาคริต” กลัว “เสียชีวิต” ถึงขั้นเป็นแพนิก รับ ปรึกษาหมอ หวังมีลูกคนที่ 2

นักแสดงมากฝีมือระดับตัวพ่อ “ชาคริต แย้มนาม” ออกมายอมรับว่าชีวิตเปลี่ยนไปเพราะลูกชายสุดที่รัก “น้องโพธิ์” ที่พอมีลูกปั๊บ จากคนมุทะลุ ไม่สนอะไร กลายเป็นคนกลัวตายไปซะงั้น โดยชาคริตควงแขนภรรยา “แอน ภัททิรา” มาเปิดใจกับพิธีกรคนเก่ง “วู้ดดี้ วุฒิธร” ในรายการ WOODY INTERVIEW รวมถึงเรื่องที่ว่าพร้อมมีลูกคนที่ 2 หรือยัง ?
โดย “ชาคริต” เผยว่า “อยากมีลูกคนที่ 2 มาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว พยายามปั้นอยู่ทุกวัน ซึ่งตอนแรกก็ใช้วิธีธรรมชาติก่อน แต่ไม่ติดสักที ก็มีลุ้นกันด้วยว่าช่วงนี้ประจำเดือนไม่มา ผ่านไป 3-4 วันไม่มาเอาแล้ว เตรียมเฮแล้ว วันที่ 5-6 มาซะงั้น จนสุดท้ายก็ยอมรับเลยไปหาแพทย์ ด้วยอายุที่มันมากขึ้น ต่อให้ปฏิสนธิโดยธรรมชาติมันก็มีเสี่ยงที่อาจจะแท้ง หรือเด็กอาจจะออกมาไม่สมบรูณ์อะไรแบบนี้ เพราะฉะนั้นก็เลยใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย ก็เลยเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง ก็ผ่านไปรอบหนึ่งลองเก็บไข่ดูก็ยังไม่ผ่าน แต่ก็ยังจะลุยกันต่อ”
ทางด้านศรีภรรยา “แอน ภัททิรา” กล่าวเสริมว่า “ด้วยอายุแล้วคุณหมอก็อยากจะให้รีบทำ เพราะอายุทั้งพ่อและแม่ค่อนข้างที่จะเยอะ คุณหมอเลยไม่อยากให้ปล่อยเวลาไป แต่ก็พยายามทุกเดือนค่ะ”
พ่อบักโพธิ์ได้เล่าต่อว่า “ช่วงที่คลอดโพธิ์ที่โรงพยาบาลเขาก็บอกว่ามีต่อเลยนะคะ แล้วยื่นกระดาษมาให้ประมาณ 3-4 แผ่น พอเปิดดูก็เป็นท่าเพื่อจะได้ลูกสาวอะไรแบบนี้ แต่ตอนนั้นเราก็วุ่นกับโพธิ์ แล้วก็เริ่มกลับไปทำงานก็เลยไม่ได้ปฎิบัติ แล้วเป็นช่วงที่กำลังขยับขยาย ย้ายอะไรหลายอย่างทั้งออฟฟิศทั้งเรื่องบ้านเรื่องอะไรวุ่นไปหมด เลยพักไปก่อน แล้วพอจะทำอีกทีก็อายุเยอะ ตอนนี้ก็เลยมาคิดเรื่องอายุด้วยนะ ว่าน้องอายุ 20 เราจะอายุเท่าไหร่ เพราะเราเองก็อยากเที่ยวกับลูกด้วย ถ้าไม่พร้อมปีนี้ก็อาจจะพับไปมีน้องโพธิ์คนเดียว”
ก่อนที่คุณพ่อซุปตาร์จะเผยถึงชีวิตที่เปลี่ยนไป หลังจากการมีลูก
“เมื่อก่อนเราเอง มุทะลุทุกอย่าง ลุยไม่สนใจอะไร ไร้กังวล มีลูกปุ๊บ! อยู่ดี ๆ กลัวตาย ตายไม่ได้ เราต้องมีชีวิตอยู่เพื่อเขา แล้วเหมือนโรคจิต Anxiety กลัวในช่วงที่โควิดเข้ามา แล้วเรายังทำงานอยู่ เราอยู่กองถ่าย เจอคนในกองละคร 30-40 คนต่อวัน ไม่รู้ว่าโรคนี้จะเป็นยังไง จะติดตัวมาไหม เห็นเขาตัวเล็ก ๆ 1-2 ขวบ นอนอยู่ เราไปถึงก็ไม่กล้าขึ้นไปนอนบนเตียง ทำยังไงดี น้ำตาไหล กลัวว่าลูกเราจะเป็นอะไร กลัวลูกจะมีอุบัติเหตุ กลัวลูกจะป่วย จนกลายเป็นแพนิกไปหมด จนต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งกว่าที่มันจะรีแลกซ์ ต้องอยู่กับปัจจุบันอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่ก็ทำให้ดีที่สุด”
และเมื่อถูกถามว่า “อะไรในผู้หญิงคนนี้ที่ทำให้เราหลงรัก” ก็ได้คำตอบว่า “เขาเป็นคนที่มีความเป็น Human ที่แบบว่าจิตใจสะอาดมาก แต่ว่าให้ค่าตัวเองน้อยมาก ตอนคบกันที่เป็นเพื่อนกัน ต้องคอยบอกเขาว่าอย่าลืมคุณค่าของตัวเอง มันมีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกที่อยากจะดูแลเขาให้ดี ให้เขาได้ภูมิใจในความที่เป็นเขา อีกอย่างเขาก็เป็นคนที่อารมณ์ดีบ้า ๆ บอ ๆ อะไรที่เป็นเรื่องซีเรียสเขาก็จะมีวิธีคุยที่ไม่ได้ฮาร์ดคอร์เท่าไหร่ วันที่จะแต่งงานก็นั่งคุยกันบอก เตือนญาติๆ ด้วยนะ 3 ชั่วโมง ชีวิตเปลี่ยน (หัวเราะ) เพราะเรารู้ว่าพอออกไปแล้วชีวิตเขาจะเป็นยังไง ชีวิตเขาครอบครัวเขาจะช็อตกัน เพราะฉะนั้นก็เลยอยากใช้เวลาให้รู้จักซึ่งกันและกันให้ดี แล้วก็ทำทุกอย่างให้มันเรียบร้อยกับทางผู้หลักผู้ใหญ่ให้จบให้เคลียร์ก่อน ว่าเดี๋ยวพายุกำลังจะมาแล้วนะ”
และในฐานะของภรรยาซุปตาร์ระดับประเทศ “แอน” ได้เล่าถึงชีวิตที่ต้องเปลี่ยนไป เพราะต้องกลายเป็นคนในข่าว หรือถูกคนสนใจมากขึ้นในโซเชียลว่า
“เวลาเขาอยู่กับเราเขาไม่ได้ทำตัวเป็นดารา เมื่อเป็นข่าวออกไป มันก็จะมีคอมเมนต์มีอะไรต่อว่าเราเยอะแยะมากมาย แต่แอนก็จะมีวิธีการปลอบใจตัวเองว่า เขาไม่รู้จักเราแล้วเขามาตัดสินเรา ให้มารู้จักกันก่อนสิ แล้วเดี๋ยวจะรู้ว่าเราเป็นยังไง แล้วความกดดันก็คือไม่มี เพราะแอนเป็นคนค่อนข้างใช้ชีวิตยังไง เป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าวันนี้เรามาแต่งงานกับชาคริตแล้วเราเป็นคนดังนะ ทุกวันนี้เวลามีคนขอถ่ายรูป เขาจะเป็นคนสอนเรากับลูกเสมอว่า การที่คนมาขอถ่ายรูปแปลว่าคนเขารักเรานะ แปลว่าเรายังอยู่ในใจของเขา และอยากมีรูปกับพวกเรา เขาก็จะสอนเสมอ”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 163 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม