นักแสดงและผู้กำกับชั้นครู “ตู่-นพพล โกมารชุน” วัย 69ปี เปิดใจว่าปลาบปลื้มที่สุดในชีวิตคร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงมานาน 44ปี หลังได้รับคัดเลือกจากกระทรวงวัฒนธรรมให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ภาพยนตร์และละคร ประจำปี 2564
โดย “อาตู่” ผ่านผลงานการแสดงทั้งละครและภาพยนตร์มามากกว่า 150 เรื่อง และฝากฝีไม้ลายมือกับการกำกับการแสดงละครน้ำดีมามากถึง 33 เรื่องจนปัจจุบัน
“อาตู่” เปิดใจว่าพอทราบข่าวดีเมื่อวานนี้ ก็คิดถึงคุณแม่ผู้ล่วงลับ “ป้าจุ๊-จุรี โอศิริ” ที่เคยได้รับเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง นักพากย์และนักแสดง ประจำปีพุทธศักราช 2541 และคุณครูอีกหลายคนตั้งแต่เข้าวงการบันเทิงมาตั้งแต่ ปี พศ. 2521 หรือตลอดระยะเวลา 44 ปี ไม่ว่าจะเป็น ครูคนแรกอย่างผู้กำกับรุ่นเก๋า “ฉลอง ภักดีวิจิตร” กับผลงานชิ้นแรก กับภาพยนตร์เรื่อง “ใต้ฟ้าสีคราม” ก็ยังมี อาดวงดาว-จารุจินดา,อาต้อย-เศรษฐา,อารอง เค้ามูลคดี, สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ และอีกหลายท่านที่คอยสอนสั่งมาตลอด
โดยอาตู่เผยว่ารางวัลศิลปินแห่งชาติ ถือเป็นรางวัลใหญ่ที่สุดในอาชีพนักแสดง พร้อมเผยตลอดระยะเวลา 44ปี เจ้าตัวตั้งใจและให้เกียรติกับอาชีพนักแสดงมาตลอด และปฏิบัติตัวตั้งแต่วันแรกจนปัจจุบันนี้เหมือนเดิม คือ มากองก่อนเวลานัด,อ่านบทของตัวเอง ทำการบ้านมาก่อนล่วงหน้า และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับทีมงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง โดยอาตู่บอกชัดอาชีพนักแสดงมีเพียงแค่นี้ และที่สำคัญสุดคือรักในอาชีพตัวเองจะอยู่ได้ยาวนาน
อาตู่บอกตั้งแต่เข้าวงการ อาไม่เคยคิดว่ามีแม่ดัง มีชื่อเสียง อาบอกแม่ไม่เคยสอนหรือแนะนำอะไรแบบจริงจัง จะใช้วิธีการทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วอาศัยครูพักลักจำเอาเอง ส่วนใหญ่เทคนิคคำสอนต่างๆ อาจะได้จากนักแสดงรุ่นพี่ๆ ที่คอยแนะนำและเอ็นดูอามาตั้งแต่เข้าวงการ
เผยถึงเรื่องประทับใจถึงคุณแม่ “จุ๊-จุรี” ว่าเป็นคนตั้งใจและขยันทำงาน ทำเต็มที่สุดๆ จนถึงละครเรื่องสุดท้ายที่มาเล่นให้อาตู่ ในฐานะผู้กำกับอย่างเรื่อง “เคหาสน์สีแดง” ในปี พศ.2554 อาตู่ก็บอกว่าแม่ทำเต็มที่ แสดงเต็มที่ บทเป๊ะจนนักแสดงรุ่นใหม่หลายคนยังอึ้ง และนี่ถือเป็นแบบอย่างดีๆ ที่เจ้าตัวนำมาปรับใช้ตลอดไม่เคยลืมจนถึงทุกวันนี้ฝากถึงนักแสดงทุกคนให้รักและเคารพในอาชีพของตัวเอง รับรองจะอยู่ได้นานในวงการบันเทิง.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
