“มีมี่ มิลิน” เผยที่มาชุดสุดปัง “แอนชิลี” ใส่แล้วมีความสุข ไม่ใช่เสริมจุดเด่นเพื่อกลบจุดด้อย

นับถอยหลังอีกไม่กี่อึดใจก็จะได้ทราบกันแล้วว่าตัวแทนสาวงามจากประเทศได้จะคว้ามงกุฏ Miss Universe2021 ไปครองได้สำเร็จ ขณะที่ “แอนชิลี สก็อต-เคมมิส “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2021” ตัวแทนสาวงามจากประเทศไทย แบกสายสะพาย THAILAND และความภาคภูมิใจในหุ่นพลัสไซซ์ภายใต้คอนเซ็ปต์ Real Size Beauty สวยในแบบของตัวเองไปร่วมชิงมง 3 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้โชว์ความงามในลุคส์ต่าง ๆ ในรอบพรีลิมฯ รวมถึงโชว์ความงดงามทรงพลังในชุดประจำชาติ “นางคาด” ให้ประจักษ์แก่สายตาคนทั่วโลกมาแล้ว


ล่าสุดทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทน มีโอกาสได้พูดคุยกับ “มีมี่ มิลิน ยุวจรัสกุล” เจ้าของแบรนด์ “Milin” ผู้ผลักดัน “แอนชิลี”ในการเข้าประกวดครั้งนี้ รวมถึงอยู่เบื้องหลังความงามในชุดต่างๆ โดย “มีมี่” เผยว่า “คนเข้าใจว่าเราไปชักชวนให้น้องมาประกวดนางงาม แต่จริง ๆ น้องเป็นคนเดินเข้ามาหาเราเอง เขาเป็นเพื่อนกับเด็กที่เดินแบบให้แบรนด์เสื้อผ้าของเรา และติดต่อเข้ามาว่าอยากจะเป็นนางแบบให้แบรนด์ ก็เลยได้มีการนัดเข้ามา ส่วนมี่ก่อนหน้านั้นเล่นไอจีแล้ว ไถไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งแล้วรู้สึกปิ้งมาก เพราะเขาเป็นเคิร์ฟโมเดล ดูมีเสน่ห์พุ่งออกมาจากหน้าจอ พอวันที่เข้ามาคุยก็ถามว่าเขามีความฝันอะไร เพราะตอนนั้นเราโฟกัสว่าเราอยากจะทำให้เขาเป็นเคิร์ฟโมเดลที่เปรี้ยวที่สุดของเมืองไทย ไม่ได้คิดถึงเรื่องนางงามเลย แต่น้องบอกว่าน้องอยากเป็นมิสยูนิเวิร์ส ตอนได้ยินขนลุกเลย เขามีเป้าหมายที่ชัดเจน เราก็แอบกรี๊ดในใจ เพราะชอบสายนางงามอยู่แล้ว เลยคุยกันว่าเอาจริงไหม ถ้าเอาจริงก็คือส่งเข้าประกวดเลยปีนี้ ลุยเลยนะ ใช้เวลาเตรียมตัว 6 เดือน”

“ส่วนเรื่องรูปร่าง ตอนนั้น “แอนชิลี”บอกว่าเขาพอใจในรูปร่างแบบนี้ ซึ่งเราก็มองว่าคนรูปร่างแบบน้องกับการประกวดนางงามมันน่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่จะสร้างอิมแพ็คอะไรออกไปได้ แน่นอนว่าการประกวดทุกคนอยากชนะ ได้ได้มงกุฏ แต่มากกว่ามงกุฏคือแมสเสจที่เราสื่อออกไป น้องบอกว่าเขาอยากจะเปลี่ยนแปลง Beauty standard อยากจะทำให้ทุกคนรักในรูปร่างของตัวเอง น้องกลับไปทำการบ้านแล้วก็ได้แมสเสจ Real Size Beauty มา เราเอาแมสเสจนั้นมาทำให้เป็นตัวน้องและแปลอกมาให้เข้าถึงได้กว้างที่สุดเท่าที่จะกว้างได้ ส่วนตัวแล้วมองว่าเป็นข้อดีที่ Beauty standard ถูกนำมาถกเถียง โดยเฉพาะวงการนางงามว่าต้องเดินเป๊ะ เดินสวยเท่านั้น

จริงอยู่ว่าperformance เป็นส่วนหนึ่งของการเก็บคะแนน แต่รอบที่เคาะมงลงทำไมถึงเป็นรอบตอบคำถาม สวยอย่างเดียวมันไม่พอ ต้องมีสมอง มีความสามารถด้วย ยิ่งตอนเห็นน้องตอบคำถามรอบไฟนอล มันทำให้เห็นเลยว่านอกจากรูปร่างหน้าตาภายนอก สิ่งสำคัญคือสมองและแรงบันดาลใจที่เขาอยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรจริง ๆ ซึ่งหลังเข้ากองประกวดมี่กับน้องคุยกันทุกวันน้องก็บอกว่ามีความสุขดี ไม่กดดันอะไรเลย ก่อนเข้ากองประกวดก้พาไปมูเพื่อความสบายใจของแฟน ๆ นางงามแล้ว ในฐานะคนตัดสายสะดือในวงการนางงาม มี่คิดภาพน้องจะสวมมงทุกวัน อย่างน้อยที่สุดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยากให้เขาจับไมค์ อยากให้โลกได้ฟังเสียงของเขา ได้รับรู้ในสิ่งที่เขาอยากจะพูดจริง ๆ ไม่ว่าคำถามจะเป็นเรื่องอะไร เพราะเวลาเขาพูด เสียงเขาไปถึงคนฟังและมันจับใจจริง ๆ

สำหรับเรื่องลุคส์ เรื่องชุดของน้อง เราก็ช่วยปรับลุคส์ด้วยการให้ใส่ชุดซ้ำวนไป ให้ใส่ในชุดที่น้องชอบ ไม่ใช่เลือกว่าชุดไหนใส่แล้วผอม แต่จะต้องมีเรื่องราว มีดีไซน์ที่ดี ใส่สบาย ดูสง่า ทรงพลัง ไม่ต้องเสริมจุดเด่นเพื่อกลบจุดด้อย เราอยากจะมองข้ามกฏเกณฑ์ในการแต่งตัว เพื่อให้ทุกคน ทุกรูปร่างสนุกกับแฟชันทุกรูปแบบได้ และตัวน้องเองก็มีความสุขกับการอยากได้มง เพราะถ้าเขาได้มงเขาก็ไม่ต้องมาอธิบายอะไรกับ Real Size Beauty อีกแล้ว มันจะเป็นแบบอย่างให้คนรุ่นใหม่ได้ว่าไม่จำเป็นต้องหุ่นแบบพิมพ์นิยมเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จได้ มี่ขอบคุณแอนแทนเด็กรุ่นใหม่ทุกคนที่เขาจะเติบโตขึ้นมาโดนไม่มีการบูลลี่ มั่นใจในตัวเอง และมองข้ามเรื่องรูปร่างหน้าตา.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 2,476 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม