“ลิซ่า” เปิดใจถึงอัลบัมเดี่ยวในไทยครั้งแรก ลั่นอย่าให้คำพูดใครมาหยุดความฝันเรา!

สร้างปรากฏการณ์ “LALISA” ครองเมืองเป็นที่เรียบร้อย สำหรับนักร้องเกาหลีสายเลือดไทย “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” สมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ปสุดฮอต BLACKPINKที่เพิ่งปล่อยเอ็มวีเพลง “LALISA” ซิงเกิลแรก ” ในอัลบั้ม”LALISA”อัลบัมเดี่ยวของตนเอง เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2564 ที่ผ่าน ก็เป็นที่พูดถึงกันอย่างแพร่หลายทั้งบลิ๊งค์ชาวไทยและทั่วโลกถึงความเป๊ะ ปัง ต๊าซเกินต้านทุกลุคส์ ทุกสไตล์ ล่าสุด “ลิซ่า” ได้ให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยผ่านรายการวู้ดดี้ โชว์ เล่าถึงการทำงานอัลบัมเดี่ยวของตนเอง พร้อมแชร์มุมน่ารัก ๆให้คนรู้จักตัวตนของเธอมากขึ้น ทั้งยังฝากแง่คิดดี ๆ ให้กับเด็กรุ่นใหม่ที่มีความฝันและยกให้ “ลิซ่า” เป็นแบบอย่าง
.
โดย “ลิซ่า” เผยว่า “ตื่นเต้นมาก ๆ ค่ะ เมื่อคืนนอนไม่หลับ หนูไม่ได้กลับไทยปีกว่าเกือบ 2 ปีแล้วค่ะ คิดถึงคุณพ่อคุณแม่ที่สุด คิดถึงอาหารที่พวกเขาทำให้กิน คิดถึงบุรีรัมย์ด้วย อยากไปมาก ๆ เลย เพราะว่าไม่ได้เจอคุณยายมานานแล้วเหมือนกันค่ะถ้าไปบุรีรัมย์สิ่งแรกที่อยากทำคือกลับไปไหว้คุณตา แล้วก็ไปยืนกินลูกชิ้นตรงสถานีรถไฟบุรีรัมย์ มันเป็นอะไรที่แบบว่าป๊อปปูล่า เพราะที่เกาหลีไม่มีลูกชิ้นแบบนี้ให้กิน มันเด็ดตรงที่น้ำจิ้มบุรีรัมย์ เจ้านั้นคือแบบว่ามันเด็ดมากๆ แล้วต้องเป็นเจ้าที่มีน้ำพริกเผาด้วยค่ะ”
.
“หนูอยู่เกาหลี 10 ปี ช็อตที่จำไม่เคยลืม น่าจะเป็นวันแรกที่เข้าห้องซ้อม แล้วทุกคนก็จะต้องมายืนเรียงกันแนะนำตัว ยังจำวันนั้นได้เลย แล้วอยู่ดี ๆ คุณพ่อคุณแม่ก็บอกว่าไปแล้วนะ ไปไหน หนูไม่กลับด้วยเหรอ No!อยู่ต้องอยู่ต่อ 3 เดือน มาทิ้งเราไว้ในนี้แล้วก็ไปเลย แต่พอถึงวันนี้ก็ปรับตัวได้แล้วค่ะปรับตัวได้ตั้งแต่ปีแรก ความท้าทายในการเดินตามความฝันคนเดียวที่เกาหลี สำหรับหนูตอนเด็ก ๆ ท้าทายหลายอย่างมาก ๆ เพราะว่าเราต้องมาอยู่คนเดียว ต้องตัดสินใจคนเดียว ใช้เงินคนเดียว คือไม่เคยทำอะไรเลย แล้วหนูติดแม่มาก ๆ เลย บางทีเราเหนื่อยก็อยากจะไปอ้อนแม่แต่ทำไม่ได้เราก็ทำได้แค่ Call VDO อย่างเดียว”
.
แล้วก็เรื่องภาษาด้วยค่ะมันยาก เราพูดไม่รู้เรื่อง เคยเหมือนกันที่เอาภาษามาปนกันตอนให้สัมภาษณ์ ด้วยความที่หนูพูดภาษาไทยเป็นภาษาแรกก็จริงแต่บางคำมันไม่สามารถพูดได้ เลยต้องใช้เป็นภาษาเกาหลีหรืออังกฤษค่ะ ก็เลยจะสัมภาษณ์ปนๆ กัน พี่ล่ามก็จะเหนื่อยไปเลย หรือบางวันหนูก็ลืมเซ็ตหน้าม้าก่อนออกจากบ้าน ด้วยความที่บางทีหนูตื่นสาย (หัวเราะ) เซ็ตไม่ทันจริง ๆ หรือบางทีที่ฝนจะตก คือหนูจะเป็นคนที่ผมหยักศกถึงจะเซ็ตหน้าม้าไป แต่ฝนตกก็คือหน้าม้าแตกไปเลย วันนั้นก็ต้องทำใจไปวันหนึ่งค่ะ”
.
“ส่วนการใช้ชีวิตคนเดียวก็เหงาบ้าง แต่ยังดีที่มีน้องแมว 5 ตัวอยู่เป็นเพื่อน หนูเป็นทาสแมวค่ะที่บ้านหนูเลี้ยงแมวตั้งแต่ ป.2 เลยคุ้นเคยกับเขา รู้สึกว่านิสัยเรากับนิสัยแมวมันเข้ากันได้ จะเอามานอนด้วยเป็นบางครั้งค่ะเพราะว่าขนเยอะ เขาก็จะชอบเอาคางมาก่ายตรงหัวหนู แล้วมีแย่งหมอนด้วยนะคะ”
.
“ถามว่าในวันนี้มีคนรักและติดตามทั่วโลก ให้กำลังใจและรอคอยผลงาน และล่าสุดก็มีโซโล่เดี่ยว ภาพนี้เคยอยู่ในหัวเราไหมตอนที่เป็นเด็กน้อย ๆ อยู่ที่บุรีรัมย์ ?เอาจริง ๆ ไม่เคยค่ะ ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะมาเป็นหนูได้อย่างทุกวันนี้ คือตอนนั้นด้วยความที่เรารู้สึกว่าเป็นเด็กต่างจังหวัด แต่พอมาถึงจุด ๆ นี้มันใหญ่กว่าที่เราคิด ส่วนที่หลายคนสงสัยว่าเวลาเต้นหนูไม่เคยหอบเลย มีเทคนิคอะไร เทคนิคของหนูคือ I’m fine! I’m totally fine!เราต้องโฟกัสคิดว่าสามารถทำได้ ถ้าไม่ได้อยูู่ในวงการบันเทิง อาชีพในฝันของหนูคือครูสอนเต้น ซึ่งหนูเคยได้ลองเป็นครูสอนเต้นไปแล้วค่ะ”
.
นอกจากนี้ “ลิซ่า” ยังเผยถึงความรู้สึกหลังมิวสิควีดีโอเพลง “Lalisa” ซิงเกิลแรกจากอัลบั้มเดี่ยวของตัวเองออกสู่สายตาแฟน ๆ ทั่วโลกเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2564 ที่ผ่านมาว่า “ตื่นเต้นมาก ๆ ค่ะ เพราะว่าหนูเตรียมตัวทำอัลบั้มนี้ตั้งแต่เดือนมีนาคม ใช้เวลานานมาก ๆ แต่ว่าพวกเราอยากจะทำให้มันเพอร์เฟกต์ที่สุดอยากให้ทุกคนชอบจริงๆ คือในที่สุดมันออกมาแล้วรู้สึกโล่ง รู้สึกเหมือนคนท้องแก่เมื่อไหร่ลูกจะคลอดอะไรแบบนี้ (หัวเราะ) ในที่สุดมันออกมาโอเค สิ่งที่เรากังวลหายไปหมดเลยค่ะ”
.
“ถามว่าการโซโล่เดี่ยวต่างจากการทำงานเป็นกลุ่มยังไง ความรู้สึกคือมันไม่ชินมากกว่า เพราะปกติเราจะชินกับการอยู่กัน 4 คน คนนี้ตอบคำถามอันนี้นะ พอเราคุยคนเดียวก็จะค่อนข้างกดดัน แต่วันนี้เป็นสัมภาษณ์แรกเลยนะคะที่หนูทำเดี่ยว หนูรู้สึกไม่ค่อยกังวลมาก
เพราะว่าพิธีกรเป็นกันเองมาก”
.
เพลงแรกชื่อว่า “Lalisa” เป็นชื่อเดียวกับอัลบัม คอนเซ็ปต์เป็นอะไรที่ Myself Me มาก เป็นตัวเราจริงๆ เลย แล้วอัลบั้มชื่อ”Lalisa” เลยยิ่งพิเศษมากสำหรับหนู มีความหมายมาก ๆ เลยอัลบั้มนี้ อย่างตอนถ่ายทีเซอร์ที่เป็นฉากที่โหนโซ่ จำได้ว่าวันนั้นเจ็บมากเป็นแผลตรงแขนเต็มเลย ชุดสวยจริง แต่พอมันต้องทำแบบนี้มันเจ็บมาก ๆ แต่ภาพออกมาสวยก็เลยโอเค ส่วนแฟน ๆ เขาก็เอาไปทำท่าโหนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ มีพี่ที่ไทยส่งให้ดู คือหนูรู้สึกว่าแฟนคลับของหนูทุกๆ คน เขาครีเอทีฟกันมาก คือเขาเอาหนูไปโหน แล้วก็เอาแมว ๆ หนูไปโหนด้วย พวกเขาสนุกกันมาก รู้สึกดีใจที่พวกเขาเอนจอยกับโปสเตอร์ของหนูค่ะ เวลาบนเวที หนูมีความเป๊ะ มีความมั่นใจ ชีวิตจริงตอนอยู่บ้านเป็นยังไง หนูเป็นคนโก๊ะ ๆ ค่ะ ไม่ได้เฟียสค่ะ”
.
สำหรับมิวสิควีดีโอ หนูถ่ายเอ็มวีทั้งหมด 4 วัน แต่เป็น 4 วันที่นานมากใช้เวลา 1 เดือน ก็คือถ่ายอาทิตย์เว้นอาทิตย์ ในแต่ละฉากมันใหญ่และปังมากมีเซอร์ไพร์สด้วยความที่หนูเป็นคนไทย แล้วอยากจะพรีเซนต์ก็เลยบอกทางไดเร็กเตอร์มิวสิควีดีโอว่าหนูอยากใส่ความเป็นไทยลงไปแล้ว เขาก็ทำให้มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ถามว่าตื่นเต้นอะไรมากที่สุดเกี่ยวกับโซโล่อัลบั้มนี้ หนูตื่นเต้นอยากรู้ว่ารีแอคชันของแฟน ๆ แต่ละคนเขาจะชอบเพลงหนูมากน้อยแค่ไหน ด้วยความที่ “Lalisa” มีท่าเต้นที่แบบ Very catchy มาก ๆ อยากเห็นทุกคนทำชาเลนจ์ค่ะ”
.
หลายคนบอกว่า หนูเป็นความภูมิใจและเป็นตัวอย่างให้เด็กรุ่นใหม่กล้าทำตามความฝันของตัวเอง อยากจะบอกเลยว่าหนูเริ่มด้วยการเป็นเด็กบุรีรัมย์ อย่างที่บอกในตอนแรกว่าไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะมาอยู่จุด ๆ นี้ได้ แต่หนูรู้สึกว่าความฝันของเด็ก ๆ Powerful เป็นอะไรที่มาจากใจเขาจริง ๆ เลยคิดว่าคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองถ้าเกิดว่ามีโอกาสหรือสามารถสนับสนุนเขาให้ไปตามฝันได้ หนูอยากจะให้คุณพ่อคุณแม่สู้ด้วยเหมือนกันค่ะ ไม่ใช่แค่น้อง ๆ อย่างเดียว เป็นด้วยสภาพแวดล้อมของเด็ก ๆ ด้วย ที่จะทำให้เขาสามารถไปถึงจุด ๆ นั้นได้ เราต้องเชื่อมั่นในตัวเองอย่าคิดว่าการที่เราฝันอยากเป็นซูเปอร์สตาร์ บางคนอาจจะ ห๊ะ! ยูเหรอ? อย่าไปฟังเราต้องเชื่อมั่นในตัวเอง เราทำได้อยู่แล้วค่ะ
.
“Lalisa”เป็นโซโล่ซิงเกิ้ลอัลบัมครั้งแรกของหนู ซึ่งมีความหมายกับหนูมาก หนูชอบมัน แล้วพวกเราทุกคนตั้งใจทำอัลบั้มนี้มาก อยากให้ทุกคนรักให้กำลังใจและเป็นกำลังใจให้กับหนูไปตลอดค่ะ”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 1,608 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม