“ไมค์-ซาร่า” ไม่มีทางออก ไกล่เกลี่ย 8 ชั่วโมง ไร้บทสรุปสิทธิ์ปกครองลูก

เผชิญหน้ากันในศาลครั้งแรก เพื่อเจรจาหาทางออกที่ดีที่สุดให้สำหรับลูกชายวัย 6 ขวบ “น้องแม็กซ์เวล” ระหว่างพระเอกชื่อดังของเอเชีย “ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล” กับนางแบบสาว “ซาร่า คาซิงกินี” โดยเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (24 ธ.ค.2563) ทั้งคู่เดินทางพร้อมทนายความส่วนตัวไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ตามคำนัดศาลครั้งที่ 2 เพื่อไกล่เกลี่ยหาข้อสรุปสำหรับการเซ็นเอกสารรับรองบุตร และสิทธิ์ในการปกครองบุตรร่วมกัน ที่มีการยืดเยื้อมานานเกือบ 4 เดือน โดยในวันนี้หลังจากที่ทั้งคู่เจรจาไกล่เกลี่ยกันนานกว่า 8 ชั่วโมง



โดยไมค์และ “ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต” ได้ออกมาเปิดใจหลังการไกล่เกลี่ยตลอดทั้งวันไม่ได้บทสรุป ซึ่งไมค์เผยว่า สภาพจิตใจก็โอเค แต่ในส่วนตัวไม่อยากตอบอะไรมาก เพราะไม่รู้ว่าใครจะรู้สึกยังไง ตนเบื่อกับเรื่องนี้แล้ว ไม่รู้ว่าสังคมจะคิดยังไงตอนนี้ อยากให้เรื่องนี้รีบ ๆ จบ แค่นี้เลยที่รู้สึกตอนนี้ ส่วนเรื่องที่ว่าจะถอนฟ้อง เหมือนที่เคยตั้งใจว่าจะเก็บเงินให้ลูกนั้น มันเป็นรายละเอียดในสำนวน ไม่สามารถพูดได้ เพราะในตอนแรกคาดหวังว่ามันจะจบวันนี้ ซึ่งพอเรื่องไม่จบ ถามว่ากระทบกับการกลับไปทำงานที่จีนไหม จริง ๆ ตอนแรกคิดว่าไฟล์บินน่าจะเป็นวันที่ 27 ธ.ค.2563 นี้ ก็…ดูกันต่อไปว่าจะไปได้เมื่อไหร่ ตอนนี้มันก็มีโควิด-19 ด้วย “ส่วนที่ว่าผมจะให้แม็กซ์เวลล์มาอยู่ในการปกครองเลยนั้น ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องนั้น ขอแค่ได้เจอลูกแบบที่ … (นิ่งไป) นั่นแหละครับ ตอนนี้ยังได้คุยกับลูกบ้าง ผ่านนาฬิกา แต่ก็ไม่เหมือนได้เจอ แต่จริง ๆ ก็…นั่นแหละครับ ขอโทษทีผมเบลอ”
.
ด้านทนายเจมส์เผยว่า การไกล่เกลี่ยในครั้งนี้ไปในทิศทางที่ดี รับฟังเหตุผลกันมากขึ้นทั้งสองฝ่าย แต่ติดอยู่หลายประเด็น ซึ่งประเด็นหลัก ๆ คือ เรื่องของการรับรองบุตรทางไมค์ไม่ติด แต่ที่ไม่ลงตัวก็คือเรื่อง อำนาจปกครองบุตร ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ค่าเทอม ซึ่งมันเป็นรายละเอียดของเด็กคนหนึ่ง ถ้าเกิดมันมีอะไรที่เปลี่ยนแปลง มันค่อนข้างศึกษารายละเอียดเยอะมาก และต้องดูรายละเอียดให้ชัดเจน ส่วนที่ว่าทางฝั่งซาร่าเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูเยอะนั้น มันเป็นรายละเอียดที่อยู่ในสำนวน ทางศาลขอเอาไว้ว่าอยากจะให้เกิดความชัดเจนก่อนแล้วค่อยคุยอีกที แต่มีหลายเรื่องที่ไม่ลงตัว ไม่ใช่แค่เรื่องเงินอย่างเดียว
“ทางฝั่งไมค์ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรอยู่แล้ว เราก็เข้าใจฝั่งเขาว่าต้องการที่จะให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด แต่ทางฝั่งของไมค์ก็ดูตามศักยภาพ แนวโน้มในรอบหน้า ผมว่าน่าจะจบในรูปแบบที่ดี เพราะว่าศาลค่อนข้างกำชับให้จบให้เร็วที่สุด แต่พอดีมันมีเงื่อนไขอะไรบางอย่างที่เราไม่ได้เตรียมตัวมา แล้วมาโผล่ในรอบนี้ เลยขอให้ไปศึกษารายละเอียดก่อน อย่างที่ผมบอกมันไปกระทบกับเด็กเป็นสำคัญ เลยตัดสินใจเลยไม่ได้ในตอนนี้ ซึ่งศาลท่านก็แนะนำได้แค่หลักการ แต่ในรายละเอียดลงลึกไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคน ที่สำคัญก็คือเป็นเรื่องของเด็ก ท่านอยากให้มองประโยชน์ของเด็กเป็นหลัก”


ฝั่งซาร่านั้นเดินทางกลับไปทันที โดยไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ให้เหตุผลว่าต้องรีบเดินทางกลับภูเก็ต ซึ่ง ทนายธากฤช สิทธิประเสริฐ ทนายของซาร่า ได้ออกมาให้เผยว่า ทั้งสองฝ่ายยังอยากดูแลลูกอยู่แล้วทั้งสองฝ่าย เพียงแต่ว่า พอต่างฝ่ายยังอยากดูแลอยู่ ก็ต้องมาคุยรายละเอียด อำนาจตัดสินใจจะเป็นยังไง ซึ่งรายละเอียดบางจุด หลายจุดอยู่ที่มันยังไม่ค่อยตรงกัน ทนายก็เลยกลับไปคุยกับลูกความแต่ละฝ่าย แล้วเดี๋ยวนัดหน้าจะมาคุย คราวนี้เหมือนเป็นเวทีที่ดีเหมือนให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้มาเจอกัน
โดยเบื้องต้นตอนนี้ลูกชายยังต้องอยู่กับซาร่า ซึ่งเรื่องไมค์ก็ไม่ได้ติดใจ แต่ว่าก็ไม่ได้ปิดประเด็นที่ว่าไมค์อยากรับไปดูหรือเปล่า ก็มีการพูดขึ้นบ้าง ส่วนข้อเสนอ 4 ข้อที่ซาร่าเคยพูดไปนั้น จริง ๆ เป็นข้อความเห็นว่าทำไมน้องควรอยู่กับแม่ กระบวนการไกล่เกลี่ยมันไม่ใช่กระบวนการของศาล ความจริงต้องถอยคนละก้าว แล้วหันหน้าเข้าหากัน เพราะฉะนั้นไม่ยึดติดกับสิ่งที่เคยพูดไปแล้ว หรือไม่ยึดติดกับสิ่งที่มันอยู่บนกระดาษ สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง
“วันนี้ไม่มีการยื่นข้อเสนอกันไปเป็นข้อ ๆ ณ วันนี้สถานะของลูกเป็นแบบไหน แล้วเพื่อให้ลูกของเรา ประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นอย่างไร ถ้าเราเอาเรื่องเก่ามาพูด มันไม่จบไม่สิ้น ท่านผู้พิพากษาก็บอกอยู่ว่าปัจจุบันเป็นอย่างไร แล้ว 2 ฝ่ายในเมื่อได้มาคุยกันแล้ว จะตกลงดูแลบุตรร่วมกันอย่างไรมากกว่า”



ในเรื่องของความต้องการของซาร่านั้น ทนายซาร่าเผยว่าไม่ใช่ว่าฝั่งตนต้องการ ต้องถามว่าฝั่งไมค์จะซัพพอร์ตให้ลูกมากแค่ไหนมากกว่า มันเป็นประเด็นอย่างนั้น ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ทุกอย่างในคดีครอบครัวมันจะมีหลาย ๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นการอุปการะเลี้ยงดู ลูกจะอยู่กับใคร อำนาจปกครอง การเยี่ยมเยียน คือต้องมานั่งคุยกนทุกอย่าง ถ้าถามว่าซาร่าต้องการอะไร มันคืออะไรเหรอค่ะ มันก็คือคุณอยากจะให้ลูกของคุณแบบไหน มีชีวิตแบบไหน เรียนที่ไหนมากกว่า
โดยในตอนนี้ไมค์ยังเซ็นต์รับรองบุตรไม่ได้ ถ้ากระบวนการมันไปเรื่อย ๆ สามารถตกลงกันตามรายละเอียดได้ ก็อาจจะมีคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของเด็ก เพื่อจะให้ทางฝ่ายไมค์ไปจดทะเบียน

หลังจากนี้ทนายทั้ง 2 ฝ่ายต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งศาลมีกำหนดนัดไกล่เกลี่ยทั้ง 2 ฝ่ายอีกครั้งในวันที่ 12 มกราคมปีหน้า .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 27,472 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม