หลิงหลิง คอง เปิดใจหลังถูกซาแซงคุกคาม จากนี้ต้องเพิ่มบอดี้การ์ดเวลาออกงาน | เผย การเล่นหนังคือความฝันที่อยากทำ

หลังจากที่คู่จิ้นเกิร์ลเลิฟสุดฮอต หลิงหลิง ศิริลักษณ์ หรือ หลิงหลิง คอง และ ออม กรณ์นภัส มอบหมายให้ผู้จัดการส่วนตัวและทนายความ ดำเนินการเข้าแจ้งความกับตำรวจ เนื่องจากถูกแฟนคลับคุกคามอย่างหนัก โดยพฤติการณ์ดังกล่าว คือ ถูกกลุ่มซาแซงคุกคาม-แอบติดตามไปที่บ้านและคอนโดของทั้งคู่ ทั้งยังขึ้นไปถ่ายภาพรถยนต์ส่วนตัวและเฝ้าอยู่หน้าที่พักทั้งวันทั้งคืน ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจสามารถจับผู้ต้องหาได้แล้ว 5 คน โดยทั้งหมดยอมรับและสารภาพผิด พร้อมถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย


ล่าสุดวันนี้ (12 มิ.ย. 68) หลิงหลิง ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงประเด็นดังกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มอบหมายให้ทีมกฎหมายของช่องดำเนินการกับกลุ่มซาแซงแฟนแล้ว พร้อมเผยว่า ตนถูกกลุ่มคนเหล่านี้กระทำหลาย ๆ อย่าง เช่น โดนตามถึงรถ หรือแม้แต่ตามถึงหน้าบ้าน รวมถึงบุกรุกเข้าพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งตนมองว่าการกระทำดังกล่าวรุนแรงมาก ส่วนที่ ออม จับได้ว่าคนขับรถส่วนตัวเป็นมือดีแอบขายข้อมูลให้กับซาแซงนั้น ตนเองก็ทราบเรื่องนี้แล้ว แต่ไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมาก คงต้องรอให้อีกฝ่ายออกมาชี้แจงเอง ยอมรับว่าเป็นห่วงน้องออม เพราะเห็นเขากังวลอยู่เหมือนกัน เชื่อว่าใครที่โดนแบบนี้ก็คงเครียด เพราะถูกคนใกล้ตัวทำแบบนี้ ซึ่งตนก็ให้กำลังใจออมโดยการให้ อาบู นกที่ซื้อเป็นของขวัญวันเกิด เพื่อเป็นกำลังใจ ตอนนี้อีกฝ่ายก็ดีขึ้น และคาดว่ามีการดำเนินคดีกับคนขับรถคนนั้นไปแล้ว พอเจอเรื่องแบบนี้ตนก็มีการสอบถามกับคนขับรถของตัวเองว่าเคยคุยหรือทำหรือเปล่า เพราะเคยเห็นเขาคุยกับคนขับรถของออม ซึ่งก็พบว่ายังไม่มีอะไร แต่หากว่าเรื่องนี้เกิดกับขึ้นกับตนจริง ๆ คงจะเสียใจมากเพราะเป็นคนที่ไว้ใจคนรอบข้างมาก หลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้นก็มีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย คือ เพิ่มบอดี้การ์ดเวลาไปออกงาน เอาตรง ๆ ตนก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ทำได้แค่ระวังตัวให้มากขึ้น ถ้าจับได้ก็จะดำเนินคดี ทั้งนี้ อยากจะฝากถึงซาแซงหรือคนที่คิดจะทำแบบนี้ว่าให้หยุดการกระทำ เพราะมันไม่เกิดผลดีต่อใคร ตนออกมาบอกชัดเจนแล้วว่าถ้าเจอก็จะดำเนินคดี เพราะฉะนั้นใครที่ยังตามอยู่ก็ขอให้หยุด ตอนทำงานตนก็ให้พื้นที่กับแฟนคลับเต็มที่ สำหรับคนที่ไม่ชอบก็อย่าทำแบบนี้และอย่ามาทำร้ายจิตใจเช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องคดีความนั้นตนบอกเลยว่าจะไม่มีการยอมความและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ก่อนจะอัปเดตเรื่องงานต่อว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ตนมีงานแทบทุกวัน เรียกได้ว่าเป็นปีทองเลยก็ว่าได้ ตอนนี้ไม่ได้นับว่าเก็บพรีเซนเตอร์ไปแล้วกี่ตัว ไม่ได้ถามผู้จัดการด้วยว่ามีงานอะไรบ้าง ส่วนใหญ่จะรู้แค่ว่าวันนี้ต้องทำงานอะไร ก็จะทำให้เต็มที่ สำหรับเป้าหมายในอนาคต ตนคิดว่าตัวเองสามารถไปได้ไกลกว่านี้ในการทำงาน อย่างเช่นการแสดงภาพยนตร์ที่เป็นอีกหนึ่งฝันที่อยากทำ เพราะยังไม่เคยลอง อาจจะต้องลองดูว่ามีบทแบบไหนที่เข้ากับตัวเองบ้างก็อาจจะได้เล่น ส่วนถ้าถามว่าที่ผ่านมามีผู้จัดเข้ามาจีบหรือเปล่า? ตนก็ไม่รู้ เพราะส่วนใหญ่เขาจะติดต่องานผ่านผู้จัดการ ถ้าหากไม่ผ่านการคัดกรอง เราก็จะไม่รู้ว่ามีงานไหนติดต่อเข้ามาบ้าง แต่ยังไงก็ยังรับงานได้ และจะตั้งใจทำงาน-ตั้งใจขายสินค้าให้ถึงที่สุด เพราะตนชอบทำงานมากเรียกได้ว่า “I LOVE MY JOBS” สุด ๆ.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 87 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม