อ.ปานเทพ-อัจฉริยะ เผยมือถือ แตงโม ถึงไทยคืนนี้ เปิดหลักฐานใหม่มีคลิปสำคัญเพียบ ประกาศชัดไม่ร่วมทีม เต้ มงคลกิตติ์

tangmo

วันนี้ (6 ก.พ. 68) อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีบังแจ็ค ที่จะส่งมอบโทรศัพท์มือถือของ แตงโม ภัทรธิดา ให้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ไปตรวจสอบ โดยระบุว่าเรื่องนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อ 3 ปีที่แล้ว คุณแม่ของแตงโมยินยอมส่งมอบโทรศัพท์มือถือของแตงโมให้บังแจ็ค ซึ่งบังแจ๊คได้กู้ไฟล์ที่ถูกลบออกไปกลับมาใหม่ทั้งรูปภาพและวิดีโอ ซึ่งก่อนหน้านี้ตำรวจนำโทรศัพท์ของแตงโมไปตรวจสอบเกือบ 10 วัน และส่งคืน หลังจากนั้นพบว่าข้อมูลในโทรศัพท์ถูกลบ จึงส่งมอบโทรศัพท์เครื่องนี้ให้บังแจ็คโดยตรง และพบว่ามีข้อมูลที่น่าสนใจหลายประเด็นโดยเฉพาะการพิสูจน์ทราบว่าข้อมูลเหล่านั้นมีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเราได้พิสูจน์จากพิกัดของโทรศัพท์เทียบกับ GPS ของเรือพบว่าข้อมูลสอดรับกันและมีพิรุธหลายประเด็น บังแจ็คจึงให้ความร่วมมือและส่งมอบโทรศัพท์มือถือของแตงโมกลับคืน ซึ่งข้อมูลได้ถูกกลั่นกรองผ่านนายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าแล้ว ซึ่งบังแจ๊คไว้ใจส่งมอบโทรศัพท์ให้เพียงแค่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม อาจารย์ปานเทพ และนายแพทย์ธวัชชัย 3 คนนี้เท่านั้น


นายแพทย์ธวัชชัยจึงออกค่าใช้จ่ายส่วนตัว เดินทางไปรับโทรศัพท์จากบังแจ็คที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเดินทางมาถึงประเทศไทยในคืนนี้ (6 ก.พ.) และจะส่งมอบโทรศัพท์ให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ โดยมีการปิดถุงมาอย่างดี โดยยืนยันว่านายแพทย์ธวัชชัยไม่แตะต้องโทรศัพท์เลย

ส่วนคลิปวิดีโอใหม่ล่าสุด 2 คลิป ที่อาจารย์ปานเทพเผยแพร่เมื่อต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา อาจารย์ปานเทพ ยืนยันว่าเป็นคลิปที่พบในโทรศัพท์ของแตงโมจริง ระบุวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 22.19 น. และ 22.22 น. ซึ่งเป็นคลิปที่ถ่ายขณะอยู่บนบก แต่คำให้การของคนบนเรือขัดแย้งกับคลิปวิดีโอ ซึ่งเชื่อว่ามีขบวนการพยายามดิสเครดิตของบังแจ็ค เพื่อไม่ให้เชื่อถือหลักฐานชิ้นนี้ และจากการตรวจสอบพบว่าเป็นบัญชีที่ไม่มีตัวตน เป็นบัญชีปลอม และเมื่อสืบค้นบัญชีเหล่านี้ย้อนหลังพบว่าเป็นขบวนการเครือข่ายเดียวกัน


ส่วนกรณีระหว่างนายอัจฉริยะ และ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โดยนายอัจฉริยะ ยอมรับว่า เมื่อสามปีที่แล้วตัวเองได้รับวงจรปิดจากนายมงคลกิตติ์จริง แต่ไม่เคยนำไปใช้ที่ศาลอาญา ซึ่งนายมงคลกิตติ์พูดไปเรื่อย ตัวเองใช้คลิปจากสื่อมวลชนเป็นหลัก หลังจากนั้นลูกน้องของนายมงคลกิตติ์ก็ถูกดำเนินคดี 1 คน ซึ่งตัวเองได้จ่ายเงิน 1.5 แสนบาท เพื่อจ้างทนายความให้มาช่วยต่อสู้เรื่องคดีให้กับลูกน้องของนายมงคลกิตติ์

ส่วนเหตุผลที่ไม่สามารถร่วมทีมกับนายมงคลกิตติ์ได้ เพราะว่ามีแนวทางและเป้าหมายในการดำเนินการต่างกัน เพราะนายมงคลกิตติ์ให้สัมภาษณ์ว่าเจ้าหน้าที่รัฐปฎิบัติหน้าที่โดยชอบ เพราะเวลาในการสืบสวนมีน้อย ซึ่งขัดแย้งกับแนวทางของคณะทำงาน แต่ก็ยังได้แนะนำว่าแม้เป้าหมายการทำงานจะต่างกัน ก็ยังมีช่องทางอื่นถ้าหากมองว่าเป็นคดีฆาตกรรมและจะต่อสู้เพื่อแตงโมจริง และก่อนหน้านั้นที่ตัวเองเคยไปขึ้นศาลได้พบกับทนายกฤษณะะ ศรีบุญพิมพ์สวย ทนายความของคุณแม่แตงโม ในช่วงเย็น จึงได้พูดคุยกัน นายอัจฉริยะยืนยันว่านายมงคลกิตติ์เป็นคนขัดขวางให้ทนายกฤษณะไปอยู่กับตนเอง วันต่อมาคุณแม่ของแตงโมก็ถอนฟ้อง

นายอัจฉริยะ เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า ก่อนหน้านี้มีนักการเมืองที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีแตงโมเพื่อช่วยเหลือคนบนเรือ ซึ่งในตอนแรกพบมีแค่อดีต สว. แต่เมื่อตรวจสอบแล้วกลับพบว่ายังมีนักการเมืองใหญ่ระดับประเทศที่ตำรวจและดีเอสไอเกรงใจ โดยช่วงเวลาเกิดเหตุพบว่านักการเมืองคนนี้โทรศัพท์เข้ามาหาคนบนเรือหลายสาย ซึ่งส่วนตัวก็รู้จักกับนักการเมืองคนดังกล่าวและได้พูดคุยกันแล้วนักการเมืองคนนี้ยินดีให้ความร่วมมือในการสอบสวนกับเจ้าหน้าที่


ทั้งนี้ได้ใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน โดยช่วงท้ายของการแถลงข่าวอาจารย์ปานเทพได้โชว์รูปภาพและคลิปวิดีโอใหม่ 2 คลิป ส่วนนายอัจฉริยะได้เปิดภาพนิ่งที่มีมือของบุคคลหนึ่งพร้อมผงสีขาวบนโต๊ะและหลอดพลาสติก โดยระบุว่าภาพนี้พบในโทรศัพท์มือถือของแตงโม ทั้งนี้ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะจำลองเหตุการณ์ตกเรืออีกครั้ง แต่จะไม่ใช่ลักษณะตกลงไปในน้ำ โดยจะใช้เครื่องยนต์เรือชนิดเดียวกันในวันเกิดเหตุมาพิสูจน์ด้วย .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เครดิต : สำนักข่าวไทย

เข้าชม 404 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม