เชน ธนา เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ร่ำไห้ ที่ผ่านมาสู้มาตลอด

หลังจากที่มีประเด็นอดีตนักร้องดัง เจ้าของบริษัทผลิตอาหารเสริม “เชน ธนา” และภรรยา “เจมส์ กาลย์กัลยา” ถูกตำรวจออกหมายเรียกมาเข้าพบเป็นครั้งที่ 2 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” และทางเจ้าตัวได้ทำหนังสือขอเลื่อนกำหนดนัดหมายมาแล้วหลายครั้ง วันนี้ (18 พ.ย.67) เชน ธนา ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าว โดยหลังจากที่เข้าพบเจ้าหน้าที่ ก็ออกมาร่ำไห้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า “เบื้องต้นปฏิเสธข้อกล่าวหา ตนประกอบธุรกิจมามีปัญหาตามปกติ ที่บอกทำไมขายของแล้วไม่จ่ายเงิน จริง ๆ ของทั้งหมดตนยังไม่ได้ขาย ปัจจุบันเป็นคดีที่อยู่ในแพ่งตั้งแต่ตุลาปี 65 ตำรวจตรวจสอบแล้วก็มองว่าเป็นแพ่ง แต่วันนี้มารับเรื่องของอัยการมองว่าเป็นฉ่อโกง ถ้าสมมุติศาลแพ่งมองว่าเราเป็นหนี้เราก็ยินดีที่จะจ่าย หลังจากนี้ก็เป็นไปตามขั้นตอน สาเหตุที่ไม่จ่าย 79 ล้าน ขอแจ้งก่อนว่าสินค้าทั้งหมดยังอยู่ในคลังครบ ยืนยันตนเสียหายจริง ๆ ตำรวจกับเจ้าหน้าที่ก็เข้าไปดูแล้วว่าเราไม่ได้ขายเอาเงินมาใช้ หรือเอามาใช้ในบริษัท ยันตนมีเอกสารจริง ๆ ว่าให้เขาไปรับของมาคืน แจงสินค้าไม่ตรงกับที่พรรณาไว้ตอนขาย มันทำให้การขายผิดแผน ซึ่งเรามีการคุยกัน แต่เราโลกสวยเพราะเห็นเป็นเพื่อนด้วย เลยไม่มีเอกสารการคุย เราก็เชื่อว่าเขาจะแก้ไข รายละเอียดทุกอย่างจริง ๆ อยู่ในแพ่งหมดแล้ว ส่วนที่ปล่อยให้เวลาผ่านไปเพราะเราคุยกันตลอดในไลน์ แต่ในเชิงกฎหมายต้องไปดูอีกว่าศาลมองว่าเป็นแพ่งแล้วต้องชำระเงินหรือไม่ เพราะจริง ๆ มันเป็นการซื้อขาย วันนี้ตนก็ตกใจที่มันเป็นอาญา


ซึ่งตนก็เสียหายล็อตแรก ๆ ยุติการขายเลยเรียกกล่องคืนทุกกล่อง ตนได้เรียกค่าเสียหายไปแล้ว 60 กว่าล้าน ย้ำส่วนตัวมองเป็นว่ามันแพ่งเพราะบริษัทกับบริษัท มีปัญหากันเรื่องการซื้อขาย ต้องมาคุยกันที่จำนวนเงิน แต่วันนี้ก็อยู่ในชั้นศาลปกติ ถ้าศาลมองว่าต้องจ่าย นั่นก็คือเราเป็นหนี้ ก็ต้องหาเงินมาจ่าย
วันนี้ได้เอาข้อมูลมาก็คล้าย ๆ แพ่งทั้งหมด และบางอันที่ตอนสืบแพ่งไม่ได้ยื่น ยันมีหลักฐานเยอะพอสมควร จริง ๆ ถ้าไม่ได้มีปัญหาผมก็ยินดีแก้ แต่อันนี้มีเรื่องส่วนตัวขอไม่เอ่ยชื่อว่าใคร แต่ผมส่งข้อมูลให้พยนักงานไปแล้ว (ร้องไห้) มีคนบอกให้ผมโฆษณาเกินจริงเลยเดี๋ยวจ่ายปรับกัน อันนี้คือที่ขายของของผม คือลมหายใจของผม 10 ปี ผมก็จะขายอยู่ตรงนี้ถ้ามีคนซื้อ เราทำไม่ได้ มันมีประเด็นเสียหายจริงๆ ผมมีหนี้ตั้งแต่64 โควิดผมก็เหนื่อย จริง ๆ ที่หายหน้าเพราะเรื่องมันลากยาวมาสักพัก ได้เรียนรู้หลายอย่างพัฒนาตัวเอง ถ้ามีโอกาสก็ยังจะขายของอยู่ ผมค่อยๆดีขึ้น (ร่ำไห้ขอพัก) ยกมือไหว้ ผมสู้มาหลายปี ผมเชื่อว่าทุกคนรู้ผมใช้หนี้ตลอด

ยืนยันถ้าศาลให้จ่ายเราก็ทำงานหาเงินมาใช้หนี้ จริง ๆ เตรียมใจว่าทัวร์จะลง แต่ชื่นใจ กราบขอบคุณด้วยใจบางคอมเมนต์เข้าใจ อมาโด้ผมเอาทั้งชีวิตใส่ไปแล้วถ้ามันตายผมก็ตาย บอกยังมีโอกาสอุทธรณ์ก็ทำไปตามขั้นตอน ถ้าไม่ได้เราก็ทำตามศาลสั่ง ยอมรับว่า เครียดตอนนี้ผมมีลูก 5 คน ทุกคนที่ทำการค้ากับผมรู้อยู่ว่ามีปัญหา เราเป็นน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า เราทำธุรกจ มันเป็นแพ่งไม่น่าเอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยว ผมมีหลักฐานแน่นพอว่ามันคือสัญญาซื้อขาย ต้องจบด้วยจ่ายเท่าไหร่ ไม่ใช่มาฉ้อโกงอะไร ผมเป็นลูกหนี้ที่ดี ทำธุรกิจทุกวัน ต้องให้ความยุติธรรมกับผมด้วย แจงเรื่องการเลื่อนนัดยอมรับไม่ได้เห็นกระดาษใบนี้ ตอนเห็นก็คือไม่ทันเวลาแล้ว และมันเป็นเรื่องเป็นนิติบุคลต้องใช้เอกสาร ผมกับภรรยาเหนื่อยมาหลายปี เคยบอกตัวเองจะไม่อนุญาตให้มีความสุขถ้ายังใช้หนี้ไม่หมด เรื่องรถเกิดก่อนจะมีวิกฤต ขอยังไม่พูดถึงบริษัทที่ฟ้อง เพราะหลังจาที่เห็นออกรายการมันคลาดเคลื่อนเยอะมาก


ขอชี้แจงเรื่องมีข้อมูลว่าผมมีคดีฉ้อโกงและพรบ.เช็ค ยันยังไม่ได้ฉ้อโกง ศาลชั้นต้นยกฟ้องแล้ว เขาก็อุทธรณ์ตามขั้นตอนของเขา ส่วนเรื่องพรบ.เช็คเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจ ซึ่งโดนคุกจริง ๆ และประกันตัวออกมาจริง ๆ แต่ให้เกียรติกันเพราะทั้งคู่ไม่อยากเป็นข่าว
วอนขอความเห็นใจ ผมไม่ไลฟ์ 4 วันบริษัทก็น่าจะเจ๊งแล้ว บอกเจ้าหนี้ตั้งแต่ปี 64 ใช้ไปหลาย 10 ล้าน ไม่ต้องตื่นตระหนกมันเป็นคดีระหว่างบริษัทกับบริษัท เรายังต้องทำธุรกิจต่อไป อันนี้เป็นแค่ 1 ใน 20 กว่าตัวของเรา เรามีมาตรฐานของเราถึงอยู่มาได้ขนาดนี้ ด้านสภาพจิตใจภรรยาเราไม่กล้าแตะตัวกันเลยเพราะจะร้องไห้ อยากบอกว่าผมยังสู้อยู่ อยากให้อุดหนุนสินค้ากันต่อไป คนที่รู้จักผมจะรู้ว่าผมสู้ ถ้าเป็นขี้แพ้ผมแพ้ไปนานแล้ว ตอนนี้ยังมีความสามารถในการขายของอยู่ แต่หนี้มันเยอะกว่าทุน ขอบคุณเจ้าหนี้ทุกคน .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 74 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม