มติเอกฉันท์ คดีดิไอคอน เข้าข่ายความผิดแชร์ลูกโซ่ เสนอรับเป็นคดีพิเศษวันนี้

pol

วันนี้ (29 ต.ค. 67) ภายหลังประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองคดีดิไอคอนเพื่อพิจารณารับเข้าเป็นคดีพิเศษ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยหลังประชุมว่า คณะกรรมการได้รับฟังข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานคดีดิไอคอน ที่พนักงานสอบสวน บก.ปคบ. นำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองการรับคดีพิเศษ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าคดีดิไอคอน เข้าองค์ประกอบความผิด พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ โดยบ่ายวันนี้จะเสนอ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณารับเข้าเป็นคดีพิเศษ


ดีเอสไอ ไม่นับ 1 ใหม่ คดีดิไอคอน

ร ต.อ.วิษณุ กล่าวว่า จากการพิจารณาแผนประทุษกรรม แผนธุรกิจ งบการเงิน มีลักษณะเข้าข่ายความผิดแชร์ลูกโซ่ โดยหลังมีมติรับเป็นคดีพิเศษแล้ว ไม่มีการนับหนึ่งใหม่ แต่นับ 9 เลย โดยดีเอสไอทำงานร่วมกับตำรวจอย่างใกล้ชิด และจะเชิญผู้เชี่ยวชาญทุกด้านร่วมเป็นที่ปรึกษาคดีพิเศษ วิเคราะห์เส้นทางการเงินองค์ประกอบการเสียภาษี การพิสูจน์เจตนาแบ่งเป็นทั้งตัวการหลักและตัวการร่วม หลังการสอบสวนและแจ้งข้อหาเพิ่มผัดฟ้องฝากขังจะขยายจาก 4 ฝาก ตามที่ตำรวจแจ้งข้อหาไว้เป็น 7 ฝาก ซึ่งดีเอสไอมั่นใจทำคดีได้ทันแน่นอน โดยความผิดคดีแชร์ลูกโซ่จะสอบสวนแยกออกจากคดีความผิดฟอกเงิน ที่เป็นคดีพิเศษไปก่อนหน้านี้

สำหรับผู้ต้องหาล็อดตสอง รองอธิบดีดีเอสไอ ระบุว่า เส้นทางการเงินจะบอกเองว่าใครเป็นผู้รับผลประโยชน์ ใครเป็นตัวการร่วม จะทำแผนวิเคราะห์เส้นเงินดูข้อเท็จจริงเป็นราย ๆ ไป ขณะนี้เริ่มเห็นแนวทางการต่อสู้ของฝ่ายผู้ต้องหา ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย


ผู้สื่อข่าวถามถึงทรัพย์ของกลางที่เป็นเครื่องประดับคล้ายทองคำและนาฬิกาแบรนด์เนมที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นของปลอม รองอธิบดีดีเอสไอ ระบุว่า ไม่ว่าทรัพย์ของกลางจะเป็นข้อแท้หรือของปลอมก็เป็นประโยชน์ต่อการสอบสวน กรณีเป็นของแท้ข้อดีคือทำให้ผู้เสียหายได้เฉลี่ยทรัพย์คืนได้มากขึ้น แต่หากเป็นของปลอมก็ยึดเป็นของกลางและตั้งข้อสันนิษฐานว่าการสะสมนาฬิกาไม่แท้ อาจมีไว้เพื่อจัดฉากหลอกลวงประชาชน

ด้าน พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.กล่าวว่า ในการสอบสวนของตำรวจอย่างเร่งด่วนช่วง 5 วันแรก ฝ่ายสืบพบพฤติการณ์ที่จะยุ่งเหยิงกับพยานและพยายามหลบหนี จึงจับกุมข้อหาฉ้อโกงประชาชนก่อน เมื่อสอบผู้กล่าวหากว่า 8 พันปาก รวบรวมพยานหลักฐานพยานบุคคล และสอบผู้ต้องหาจึงสรุปได้ว่าเป็น พ.ร.ก.กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเข้าลักษณะเป็นคดีพิเศษตามกฎหมายการสอบสวนคดีพิเศษ คือผู้เสียหายเกิน 300 คน และความเสียหาย 100 ล้านบาทขึ้นไป การส่งสำนวนเป็นไปตามกฎหมายไม่ใช่การโยนภาระไปให้ดีเอสไอ โดยเป็นการส่งมอบพยานหลักฐานทั้งหมด ไม่ใช่การเริ่มต้นใหม่ .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 149 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม