วันนี้ (25 ต.ค. 67) เวลา 09.00 น. ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ต้องหาในคดีบริษัทดิไอคอน เปิดเผยว่า ในวันนี้เวลาประมาณ 10.00 น. ตนจะเข้าพบบอสพอล เพื่อที่จะนำเอกสารให้ลูกความลงนามมอบอำนาจให้ตนไปดำเนินการตามออเดอร์ที่ 2 (ตรวจสอบและพิจารณาที่จะดำเนินคดีกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และพยานเท็จ ที่อ้างว่าเป็นคนสนิทใกล้ชิดกับบอสพอล นำข้อมูลว่าบอสพอลเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอเรนซี ซึ่งตำรวจได้ออกมายืนยันแล้วว่าข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลนี้เชื่อถือไม่ได้) และออเดอร์ที่ 3 (รวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินคดีกับทนายความชื่อดังคนหนึ่ง เป็นหนึ่งในทนายดรีมทีม เพราะก่อนหน้าที่เหล่าบอสจะถูกจับกุม ทนายคนดังกล่าวโทรศัพท์ไปหาบอสพอลเพื่อเจรจาต่อรอง ให้บอสพอลจ่ายเงิน 7 ล้านบาท เพื่อแลกกับการที่จะไม่นำผู้เสียหายกลุ่มนี้ไปแจ้งความดำเนินคดี) โดยจะใช้เอกสารมอบอำนาจของบอสพอลเตรียมไปดำเนินคดีแจ้งความกลับในวันข้างหน้า ซึ่งยังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ เพราะตนจะต้องตรวจสอบพยานหลักฐานก่อน
ทนายบอสพอล ยังไม่ยื่นขอประกันตัวชั่วคราว
ทนายวิฑูรย์ เผยอีกว่า ส่วนการยื่นขอประกันตัวชั่วคราวบอสพอล และอีก 10 บอสที่ตนดูแลอยู่นั้นจะยังไม่เกิดขึ้นภายในสิ้นเดือน ต.ค.นี้ อย่างแน่นอน เพราะจะขอใช้เวลาดูเอกสารพยานหลักฐานสำหรับการต่อสู้คดี นอกจากนี้สำหรับการเยี่ยมญาติของคุณแม่บอสพอลวานนี้ (24 ต.ค.) ตนยังไม่ได้คุยกับท่าน แต่ส่วนใหญ่คุณแม่ก็ได้โทรศัพท์มาสอบถามว่าตนจะยื่นประกันตัวชั่วคราวบอสพอลช่วงเวลาใด และสอบถามไทม์ไลน์การทำงานของตน ตนก็อธิบายแนวทางการทำงานทั้งหมด แม้ท่านจะอยากให้ลูกชายได้ประกันตัวไว ๆ แต่ท่านก็เข้าใจการทำงานของตน
ส่วนกรณีที่ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟสบุ๊คท้าให้ฝั่งตนเองเปิดคลิปเสียงสนทนาแฉเรื่องที่อ้างว่ามี 1 ในทนายดรีมทีมรีดเงิน 7 ล้านบาทว่าเป็นการรีดเงินให้ทนายตั้มเอง หรือให้นำเงินมาคืนผู้เสียหายนั้น ทนายวิฑูรย์ เผยว่า การโพสต์เฟสบุ๊คเช่นนั้นของทนายตั้มถือเป็นเรื่องดี เพราะคลิปเสียงใช้ในชั้นศาลไม่ได้ แต่การโพสต์จะช่วยทำให้ตนตรวจสอบได้ว่าผู้เสียหายของทนายตั้มมันถึง 7 ล้านบาทจริงหรือไม่ และถ้าพูดให้แฟร์คือทนายตั้มก็ขอให้คืนผู้เสียหาย แต่ก็ต้องบอกว่ามันยังไม่ชัดเจนเลยว่ากลุ่มนี้คือผู้เสียหายจริงหรือไม่ ดังนั้น อันดับแรกตนจะได้ไปตรวจสอบกลุ่มผู้เสียหายที่ทนายตั้มกล่าวอ้างก่อนว่าเป็นกลุ่มเปราะบางประมาณ 30 รายจริงหรือไม่ และมีจำนวนมากพอสอดคล้องไปกับยอดเงิน 7 ล้านบาทจริงหรือ ซึ่งถ้าหากไม่ถึงก็แปลได้ว่าส่วนต่างในเงินก้อนนี้ ทนายตั้มเอาไป ทั้งนี้ บรรดาผู้เสียหายจะถึง 100 รายจริงหรือไม่ ตนไม่ทราบ และจะมาจากใคร มาจากทนายตั้มจริงหรือไม่ ก็ต้องไปตรวจสอบและหารือกับเหล่าทนายความท่านอื่นอีกครั้ง
เมื่อถามถึงกรณีที่ทนายตั้มกล่าวอ้างว่าฝั่งบอสพอลเป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปหาทนายตั้มก่อนในวันที่ 15 ต.ค.67 เจรจาในเรื่องเงิน 7 ล้านบาทเพื่อให้ชดใช้จ่ายกลุ่มผู้เสียหายนั้น ทนายวิฑูรย์ แจงว่า ทนายตั้มบันทึกภาพหน้าจอแค่กรณีของวันที่ 15 ต.ค. แต่ของวันที่ 16 ต.ค. และ 17 ต.ค. ทนายตั้มไม่ได้บันทึกภาพหน้าจอ นอกจากนี้ ตนทราบว่าทนายตั้มเป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปหานายกลด เศรษฐนันท์ หรือบอสปีเตอร์ก่อน จากนั้นบอสพอลจึงโทรศัพท์ไปหาทนายตั้ม แต่เหมือนเป็นการโทรศัพท์ไปมาระหว่างกัน ตนจึงไม่สามารถสรุปได้ว่าใครเป็นคนโทรศัพท์ไปก่อน จะขอคุยรายละเอียดกับบอสพอลอีกที ส่วนใครจะเป็นผู้กล่าวเสนอเรื่องเงิน 7 ล้านบาทก่อนนั้น ตนก็ไม่ทราบเช่นเดียวกัน เพราะตนเข้ามารับหน้าที่เป็นทนายความให้บอสพอลก่อนวันที่ 15 ต.ค. เพียงไม่กี่วัน แต่ทราบเบื้องต้นว่ามีการเจรจาเรื่องนี้จริง ทั้งนี้ ทางเลขาส่วนตัวของบอสพอลได้มีการบันทึกเสียงสนทนาการเจรจาเรื่องเงิน 7 ล้านบาทนี้ไว้ โดยเป็นการสนทนาระหว่างทนายตั้มและบอสพอล และการจ่ายเงินยังไม่เกิดขึ้น เพราะบอสพอลถูกจับกุมก่อน
ทนายวิฑูรย์ เผยด้วยว่า ส่วนจะนำคลิปเสียงสนทนาเรื่องเจรจาเงิน 7 ล้านบาทไปมอบให้กับตำรวจ บช.ก. หรือไม่นั้น ตนขอดูหลักฐานแวดล้อมทั้งหมดก่อน เพราะศาลไม่ได้รับฟังเรื่องคลิปเสียง ส่วนการหารือปรึกษากับบรรดาทนายความท่านอื่น ๆ นั้น เนื่องด้วยตนคือทนายความที่ดูแลบอสกว่า 10 คน ทั้งฝั่งบอสหญิงและบอสชาย อาทิ บอสปัญ บอสพอล บอสหมอเอก บอสสวย เป็นต้น จึงต้องคุยกันอัปเดตกันว่าจะวางแผนแนวทางการต่อสู้คดีกันอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ ทราบว่าทนายชูชาติ กันภัย ทนายความของคุณมิน พีชญา และคุณแซม ยุรนันท์ ยังไม่มีความประสงค์จะยื่นประกันตัวชั่วคราวเหมือนกัน .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
ภาพจาก : minpechaya