ทำเอาแฟนคลับตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อได้ทราบเรื่องอาการของนักแสดง-พิธีกรมากความสามารถ เอส กันตพงศ์ หลังหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ อาการคล้ายกับเหตุการณ์ครั้งแรกที่ทำทรุดต้องเข้ารับการรักษาอยู่นาน ล่าสุดวันนี้ (17 ต.ค. 67) หนุ่ม เอส เปิดใจกับไนน์เอ็นเตอร์เทนว่า เมื่อ 5 วันก่อน กำลังตีแบดมินตันกับเพื่อนบ้าน ไม่เกิน 10 นาที ระหว่างยืนคุยกับเพื่อนบ้าน จู่ ๆ เครื่องกระตุ้นหัวใจที่ฝังอยู่บริเวณหน้าอกเพิ่งทำงานเป็นครั้งแรก สั่นแรงถึง 2 ครั้ง แรงมาถึงหัวไหล่ กระทบฟันล่างเลย ทำเอาตนถึงกับทรุดนั่งกับพื้นเลย รู้สึกเจ็บมาก จนต้องนั่งลงกับพื้น ลุกไม่ไหว พูดไม่ชัด โดนตนได้ส่งสัญญาณมือบอกเพื่อนบ้านหยิบมือถือให้โทรบอกคุณแม่ ซึ่งคุณแม่พาไปส่งโรงพยาบาล และทันทีที่ถึงมือหมอก็เข้าเครื่อง CCU แต่ไม่พบความผิดปกติ ค่ากล้ามเนื้อก็ปกติ ถามถึงอาหารและยาที่ทานรวมถึงการออกกำลังก็ไม่พบความผิดปกติ ให้บริษัทที่ทำเครื่องกระตุ้นมาเช็กก็ไม่มีการทำงานผิดปกติ หมอก็วินิจฉัยว่าเป็นโรคทางพันธุกรรมทางหัวใจ ที่อัตราการเต้นของหัวใจเร็วผิดปกติ เพราะคุณแม่มีโรคอัตราการเต้นหัวใจช้ากว่าปกติ โดยตนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 3 วัน 2 คืน และได้ยารักษาโรคหัวใจเพิ่มมาทาน 1 ตัว
เอส ไม่กลัวตาย หลังหัวใจเต้นเร็วผิดปกติคล้ายครั้งแรก เสี่ยงหยุดเต้น
หนุ่ม เอส ยังเล่าต่อว่า อาการนี้เป็นเหมือน “การไปไม่ลามาไม่ไหว้” จะเกิดขึ้นตอนไหนก็ได้ โดยไม่มีการส่งสัญญาณให้รับรู้ก่อน คุณหมอก็บอกว่ายังไม่มีการรับมือและการรักษาโรคนี้ได้ คงต้องรอ 20 – 30 ปี ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลมาตั้งแต่ 2 วันที่แล้ว ผลข้างเคียงที่คงมีอยู่คือ นั่งพักอยู่ ๆ ก็มีอาการเวียนหัว ไม่พูดก็เวียนหัว มีอาการตั้งแต่เมื่อวาน คงต้องหาเวลาไปพบแพทย์ แม้อาการทรุดหนักที่เกิดขึ้น ก็ไม่ได้ทำให้ตนหวั่น เพราะไม่กลัวตายอยู่แล้ว หวั่นอย่างเดียวคือป่วยแล้วจะต้องนอนโรงพยาบาลยาว สู้ตายไปเลยดีกว่า ไม่กลัวตายมาตั้งนานแล้ว เพราะสุดท้ายต้องตายอยู่แล้ว
ส่วนหลายคนห่วงว่าที่อาการนี้เกิดขึ้นเป็นเพราะยังไม่ได้บวช หลังจากฟื้นจากอาการป่วยเมื่อกลางปี 2566 หนุ่ม เอส ไม่ได้มองอย่างนั้น เพราะตนเองก็มีวางแผนที่จะบวชในเดือนธันวาคมนี้ ที่ประเทศอินเดีย แต่พออาการทรุดครั้งนี้ก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะหากไปบวชที่ต่างประเทศและอาการทรุดขึ้นมา เดี๋ยวจะช่วยไม่ทัน อาจจะเปลี่ยนมาบวชในประเทศไทยแทน
โดยตอนนี้ เอส เล่าว่าตั้งแต่ฟื้นตัวจากอาการป่วยเมื่อปีที่แล้ว ตนก็รักษาตัวอยู่ที่บ้านคุณแม่มาตลอด พอทรุดครั้งล่าสุด แม่ก็ยิ่งมีความเป็นห่วงหนัก ไม่ปล่อยให้ออกมาทำงานคนเดียวเลย ยอมรับว่าไม่ได้อยู่กับภรรยา คิดตี้ และลูกสาว น้องวาเลนติน่า เพราะไม่อยากให้ลูกรับรู้ถึงอาการป่วย เกรงว่าจะมีความเครียด ไม่อยากผลักความเครียดให้ลูก แต่ยังมีการติดต่อกันทางโทรศัพท์อยู่ตลอด คิดถึงลูกเสมอ และบอกว่าถ้าภรรยาว่าง ๆ ก็พาลูกมาเล่นที่บ้านได้ ช่วงนี้ภรรยาอาจจะไม่ว่างจึงไม่ค่อยได้เจอกัน ส่วนที่ภรรยาโพสต์ตัดพ้อผ่านโซเชียล หนุ่ม เอส ไม่ได้เห็นเพราะไม่ได้เล่นโซเชียลนานแล้ว และเพิ่งรู้เลย ก่อนจะบอกว่าถ้าอาการหายดีก็จะกลับมาอยู่ด้วยกัน .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
ขอบคุณภาพ : s_kantapong