สคบ.เตรียมเรียกเหล่าบอส-อินฟลูเอนเซอร์ เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง ปมเอี่ยวธุรกิจเครือข่ายดัง

boss

กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่สังคมจับตามองขึ้นมาทันที เมื่อมีการเปิดปมบริษัทใหญ่ที่มีเหล่าดาราแถวหน้าเป็นพรีเซนเตอร์และนั่งแท่นผู้บริหาร ดำเนินธุรกิจขายตรง สร้างดาวน์ไลน์ ขายฝันให้ประชาชนมาร่วมลงทุน แต่สุดท้ายขายสินค้าไม่ได้ เงินหด ทุนหาย จนหลายคนคิดจบชีวิตเพราะหมดตัว ล่าสุดสคบ. เตรียมเรียกเหล่าบอส รวมถึงดารา อินฟลูเอนเซอร์ และผู้เสียหาย เข้ามาให้ข้อเท็จจริง


ผู้เสียหายร้อง สคบ. ตรวจสอบธุรกิจเครือข่ายดัง แชร์ลูกโซ่หรือไม่?

ล่าสุด น.ส. กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย – ออนไลน์ และศูนย์ข่าวต้านโกง ได้เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โดยได้นำเอกสารหลักฐานมายื่นให้ นายจิติภัทร บุญสม ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง (สคบ.) พร้อมระบุว่าตอนนี้มีผู้เสียหายประมาณ 110 ราย แบ่งเป็น 89 ราย อยู่ในขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ส่วนอีก 21 รายเป็นผู้เสียหายใหม่ยังไม่เข้าสู่ขบวนการ เป้าหมายของตนในการตั้งศูนย์ฯนี้คือต้องการให้ผู้เสียหายได้รับเงินคืน ผู้กระทำความผิดจะต้องได้รับโทษตามกฏหมาย และต้องเกิดมาตรการการป้องกันที่ยั่งยืน ซึ่งธุรกิจดังกล่าวขอจดธุรกิจตลาดแบบตรง (ออนไลน์) แต่บริษัทดังกล่าวมีการทำออกมาเป็นลักษณะธุรกิจขายตรง ซึ่งได้มีการขออนุญาตจากทาง สคบ.แล้วแต่ไม่ผ่าน แต่ก็ยังมีการดำเนินการในแบบขายตรงต่อเนื่อง ในเบื้องต้นจะมีความผิดในการขอใบอนุญาตธุรกิจตลาดขายตรง รวมถึงการโฆษณาเชิญชวนที่เกินจริง และจะต้องดูว่าในการขายของทำให้เกิดการเข้าใจผิดหรือไม่ พร้อมมีการเตือนไปยังผู้เสียหายหลาย ๆ คนว่าให้มีการศึกษาการทำธุรกิจให้ดีควรมีความรู้ และอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง วันนี้จะใช้วิกฤตในครั้งนี้เป็นการติดตามการออกใบอนุญาตของทาง สคบ. และอยากให้ สคบ. เป็นเจ้าภาพหลักในการตรวจสอบ เนื่องจากขอใบอนุญาตต้องได้รับการอนุมัติจากทาง สคบ.

ในส่วนของการแฉดาราที่เป็นถึงระดับผู้บริหารของบริษัทรวมถึงมีดาราหลายคนเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าเพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ มองว่า ควรจะเข้าข่ายความผิดด้วย เพราะคนพวกนี้เปรียบเสมือนแม่ทีมขายความน่าเชื่อถือของตัวเอง ก็จะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไปด้วยเพราะเวลาได้ คุณก็ได้ เวลาที่เสีย คุณก็จะต้องรับผิดชอบ ซึ่งในทางกฎหมายถือว่าเข้าข่ายผู้ร่วมขบวนการด้วย


ส่วนกรณีที่บอสพอลยืนยันว่าตนเองทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา และถามว่าตนเองผิดอะไร น.ส. กฤษอนงค์ ฝากไปถึงบอสพอลว่าควรเปลี่ยนจากคำว่า “ผิดอะไร” เป็น “จะแก้ไขอะไร” ดีกว่า หลังจากที่มีการยื่นเอกสารให้กับทาง สคบ.ในวันนี้แล้ว ทั้งตนเองและผู้เสียหายจะต้องเดินทางเข้าให้ปากคำที่ บก.ปคบ.ด้วย เพื่อเป็นการรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหนึ่งทาง

ด้านนายจิติภัทร บุญสม ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง (สคบ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2563 มีผู้เสียหายร้องเรียนมาในระบบเพียง 15 ราย ความเสียหายต่อคนอยู่ที่ประมาณหลักแสนบาท ปัจจุบันได้มีการไกล่เกลี่ยสำเร็จไปแล้ว 13 ราย ส่วนอีก 2 รายอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้ขอยื่นจดทะเบียนธุรกิจตลาดแบบตรงเมื่อปี 2562 ก่อนที่ภายหลังบริษัทนี้ได้ยื่นจดทะเบียนธุรกิจขายตรงเมื่อปี 2565 ซึ่งตอนนั้นนายทะเบียนไม่มีคำสั่งรับจดทะเบียน นอกจากนี้ก็จะมีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ DSI ว่ามีการกระทำความผิดเกี่ยวกับลักษณะการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ และจะต้องไปดูข้อตกลงในสัญญา ว่ามีการจ่ายผลตอบแทนเป็นไปตามสัญญาหรือไม่ ถ้าผู้เสียหายมีสินค้าในการขายก็จะต้องออกไปขาย ไม่ใช่นั่งรอกำไรเพียงอย่างเดียว เพราะไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายเป็นการแชร์ลูกโซ่

พร้อมขอให้มั่นใจว่าทาง สคบ.จะดูแล และจะดำเนินการอย่างเคร่งครัด หากพบว่าประเด็นไหนเกี่ยวกับกฎหมายใด ก็จะร่วมมือกับองค์กรนั้นในการดำเนินการอย่างเด็ดขาด / ผู้เสียหายสามารถเข้ามาร้องเรียน พี่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สคบ.ได้ ส่วนผู้เสียหายที่อยู่ต่างจังหวัดสามารถ ยื่นเรื่องร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด โดยที่เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนจะมีการประสานงานกัน ในส่วนของธุรกิจขายตรงจะมีความผิดเฉพาะกรรมการบริษัทฯ และ นิติบุคคลเท่านั้น แต่ในส่วนของอินฟลูเอนเซอร์หรือดาราที่ทำการชักชวนให้มาร่วมลงทุน ก็อาจเข้าข่ายความผิดไปด้วย ซึ่งต้องมีการตรวจสอบอย่างแน่ชัด


ส่วนกรณีการมอบโล่รางวัลให้กับทางบริษัทฯ นายจิติภัทร ชี้แจงว่าการมอบโล่เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ในการส่งเสริม สนับสนุนผู้ทำคุณประโยชน์ ซึ่งในช่วงนั้นเป็นช่วงโควิด-19 ทางคณะกรรมาธิการมีการลงพื้นที่ในจังหวัดนครราชสีมา บริษัทฯดังกล่าวได้มีการเข้ามาสนับสนุน แมส , สเปรย์แอลกอฮอล์ให้กับผู้ที่เข้ารับความรู้ ประกอบกับในช่วงนั้นยังไม่มีเรื่องร้องทุกข์ของบริษัท ก็ผ่านเกณฑ์พิจารณา ซึ่งมีคณะกรรมการในการกลั่นกรอง ซึ่งสมควรที่จะได้รับโล่นี้ไว้ โดยจะมีการมอบโล่นี้ให้กับทางบริษัทฯดังกล่าวตั้งแต่ปี 2564 แต่ ตอนนั้นเป็นวิกฤตโควิด-19 จึงได้มอบรางวัลนี้ในปี 2565 / ซึ่งถ้าตรวจสอบแล้วว่าบริษัทกระทำความผิดก็จะมีการปลดสัญลักษณ์นั้นออกทันที

โดยในสัปดาห์นี้ทาง สคบ. จะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบภายในบริษัท และในสัปดาห์หน้าก็จะมีการเชิญเหล่าบอส รวมถึงดารา อินฟลูเอนเซอร์ และผู้เสียหาย เข้ามาให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลักษณะการประกอบธุรกิจต่อไป .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

ขอบคุณภาพ : iConGroup.official

เข้าชม 245 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม