ก้อย รัชวิน เผยหมอวินิจฉัยลูกชายติดเชื้อในกระแสเลือด หลังมีไข้สูงเฉียบพลันจนเกิดอาการชักเกรง

ทำเอาหัวอกคนเป็นพ่อแทบจะร้องไห้ หลัง น้องทะเล ลูกชายสุดที่รักของ ตูน อาทิวราห์ หรือ ตูน บอดี้สแลม และภรรยาคนสวย ก้อย รัชวิน เกิดอาการชักเกรงตาเหลือกบนเหมือนคนหมดสติ ตอนนั้น ก้อย ได้ทำปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพราะด้วยสัญชาตญาณของแม่ที่ต้องการให้ลูกฟื้นคืนกลับมาให้เร็วที่สุด ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล ล่าสุด ก้อย ได้เผยถึงเอาการของลูกชายว่า คุณหมอวินิจฉัย น้องทะเล ติดเชื้อในกระแสเลือด และมีอาการไข้ขึ้นสูงเฉียบพลันจนทำให้เกิดอาการชัก และได้ให้ลูกชายทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) เพื่อจะหาสาเหตุของอาการชักและจะได้มั่นใจว่าเค้าจะไม่มีโอกาสเป็นโรคลมชักในอนาคต ซึ่งผลออกมาว่าคลื่นสมองของ น้องทะเล ปลอดภัยดีไม่มีอะไรน่ากังวล


ก้อย รัชวิน เล่าเหตุการณ์ลูกชายชักจนหมดสติ

โดยวันนี้ (1 ต.ค. 67) ก้อย ได้โพสต์ภาพ พร้อมระบุว่า “ตอนแรกคิดว่าจะไม่บอกใคร เพราะกลัวทุกคนจะตกใจ แต่หลังจากที่ทุกคนได้อ่านข้อความของพี่ ตูน แล้ว ก็มีหลายคนส่งข้อความมาหาก้อย ก้อยจึงเขียนโพสต์นี้เพื่อเก็บบันทึกเหตุการณ์สำคัญที่บีบหัวใจแม่ที่สุดและไม่คาดคิดว่าจะเจอ รวมถึงคิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อแม่คุณแม่หลายๆคนที่มีลูกน้อยเหมือนกัน บ่ายไปรับทะเลที่โรงเรียนคุณครูบอกว่าน้องตัวรุม ๆ นิดหน่อย แต่ยังร่าเริงตามปกติ ช่วงเย็นก้อยพาน้องทะเลกับเวลามาเดินเล่นให้อาหารปลา น้องยังหัวเราะสนุกสนาน แล้วก้อยต้องเข้าไปในงาน Event เลยให้พี่เลี้ยงพาน้องไปอาบน้ำทานข้าวระหว่างที่รอก้อย ที่บ้านพี่ก้อย อยู่ไม่ไกลจากที่จัดงาน พอเสร็จงานก็เข้าไปรับน้องที่บ้าน เข้าไปไม่ถึง 2 นาที พี่เลี้ยงอุ้มน้องทะเลวิ่งเข้ามาหาก้อยด้วยสีหน้าตื่นตกใจ ‘พี่ก้อยคะ ๆ ทะเลเป็นอะไรไม่รู้’ ภาพที่ก้อยเห็นก็คือ น้องมีอาการชักเกร็ง ตาเหลือกบนเหมือนคนหมดสติ ไม่มีเวลาให้ตกใจ แม่รีบตั้งสติและงัดวิชาปฐมพยาบาลที่เคยเรียนมา ก้อยตะโกนเรียก ‘ทะเล ๆ ได้ยินแม่มั้ย’ พร้อมกับเอามือจะทำ CPR แต่ด้วยความที่ลูกตัวเล็ก และกลัวว่าจะทำไม่ถูกจุด แล้วเค้าจะเจ็บ จึงตัดสินใจผายปอดให้ลูกในทันที ด้วยสัญชาตญาณของแม่ที่ต้องการให้ลูกฟื้นคืนกลับมาให้เร็วที่สุด แต่เค้าก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ ปากน้องเริ่มเปลี่ยนสีและอาการดูไม่ดีแล้ว ก้อยรีบอุ้มลูกและพาไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ตอนนั้นคือ รพ.ถลาง พอไปถึงก้อยก็รีบไปยังห้องฉุกเฉิน รีบวิ่งเท้าเปล่าเข้าไป ทางเจ้าหน้าที่รีบช่วยกันเช็ดตัวให้น้อง จนน้องได้สติและเสียงร้องไห้ดังขึ้นมา…วินาทีนั้นแม่แทบจะหยุดหายใจ กลัวว่าลูกจะเป็นอะไร และไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิต ทั้งหมดมันเกิดขึ้นเร็วมาก แต่ในความรู้สึกของแม่ที่เห็นลูกหมดสติและเหมือนหยุดหายใจไปต่อหน้า มันช่างยาวนานจนแทบจะขาดใจ พอได้ยินเสียงลูกร้องดังออกมา มันจึงเหมือนยกภูเขาออกไปจากอก เพราะในที่สุดลูกก็กลับมาหาแม่

หลังจากนั้นรถพยาบาลก็มารับน้องเพื่อย้ายไปที่ รพ.กรุงเทพ อย่างปลอดภัย คุณหมอวินิจฉัยว่าน้องติดเชื้อในกระแสเลือด และมีอาการไข้ขึ้นสูงเฉียบพลันจนทำให้เกิดอาการชัก ซึ่งโดยปกติจะเกิดขึ้นได้ในเด็กแรกเกิดถึง 2 ขวบ แต่ทะเลที่กำลังจะ 3 ขวบอีก ในอีก 5 วันข้างหน้า ก็ถือว่าแปลกแต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ประเด็นคือก่อนหน้าที่น้องจะชักน้องไม่มีอาการตัวร้อนจี๋หรือมีอาการใด ๆ ที่ดูผิดปกติเลยแม้แต่นิดเดียว ได้แต่คิดว่า ถ้าก้อยมาถึงบ้านเพื่อนช้าไปกว่านี้…ถ้าก้อยไม่ได้มีพี่เล็ก(คนขับรถ) ที่ช่วยขับรถไปให้แบบในหนัง fast and furious …แล้วถ้าลูกไม่ฟื้นขึ้นมา…จะทำอย่างไร


เหตุการณ์นี้เหมือนเป็นบททดสอบความเป็นแม่ครั้งยิ่งใหญ่ให้กับก้อย แม้ว่ากว่าจะผ่านด่านนี้มันไม่ง่ายเลยและการมี ‘สติ’ คือสิ่งที่สำคัญที่สุดจริง ๆ จึงอยากบอกพ่อแม่ทุกคนว่า หากลูกมีอาการชักจากไข้สูงห้ามเอาช้อนหรืออะไรยัดเข้าไปในปาก (หลายคนเข้าใจผิดในจุดนี้) แต่ให้ตะแคงตัวลูกและเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ตัวเย็นเร็วที่สุด และหากลูกยังไม่ฟื้นกลับมาให้รีบไปโรงพยาบาลทันที และก้อยได้ให้น้องทะเลทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) เพื่อจะหาสาเหตุของอาการชักและจะได้มั่นใจว่าเค้าจะไม่มีโอกาสเป็นโรคลมชักในอนาคตซึ่งผลออกมาว่า คลื่นสมองของน้องทะเลนั้นปลอดภัยดีไม่มีอะไรน่ากังวล ขอบคุณ ‘ตัวเอง’ ที่มีสติที่สุด ในวันที่ต้องเจอกับเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิต โดยที่ก้อยต้องเผชิญกับเรื่องนี้โดยที่ไม่มีพี่ตูนอยู่ข้าง ๆ เพราะพี่ตูนเล่นคอนเสิร์ตอยู่ที่สวีเดน วันเกิดเหตุก้อยไม่สามารถเล่าดีเทลทั้งหมดให้พี่ตูนฟังได้ เพราะกลัวว่าเค้าจะไม่มีกะจิตกะใจทำงาน แต่พอเสร็จคอนเสิร์ตปุ๊บพี่ตูนก็รีบเปลี่ยนไฟล์ทจากที่ต้องกลับวันอังคารดึก ๆ ให้กลับมาถึงวันจันทร์ตอนเช้า เพื่อจะได้กลับมาหาลูกให้เร็วที่สุด… สุดท้ายจึงอยากขอบคุณโชคชะตาและใครบางคน ที่ทำให้ครอบครัวเรายังได้อยู่กันพร้อมหน้า และได้กลับมากอดกันอีกครั้ง…ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ” .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

ขอบคุณภาพ : rachwinwong

เข้าชม 505 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม