แจ๊ส – แจง โล่งใจถึงขั้นร้องไห้ บู๊ ถูกจับ หลังทนมากว่าครึ่งปี ลั่นอยากตัดขาดกันไปเลย

หลังเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาล ได้บุกรวบตัว “บู๊” พี่ชายของ “แจง ปุณณาสา” ภรรยา “แจ๊ส ชวนชื่น” ได้ที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกันสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ เบื้องต้น บู๊ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และวันที่ 24 มิ.ย. 67 ได้ถูกนำตัวฝากขังที่ศาลอาญามีนบุรีแล้ว


ล่าสุดวันนี้ (28 มิ.ย. 67) แจ๊ส – แจง ได้เผยความรู้สึกว่า โล่งขึ้นเยอะพอสมควร แต่ต้องคอยปรับอารมณ์ของตัวเอง เพราะทุกอย่างมันรวดเร็วมาก ทั้งโกรธ โมโห ดีใจ เสียใจ อยู่ในโหมดเดียวกัน ตอนรู้ข่าวว่าจับได้คือร้องไห้ เป็นความอัดอั้น เพราะที่ผ่านมาต้องนั่งฟังคน ๆ หนึ่งว่าเราในแง่ลบอยู่บ่อย ๆ ทุกวัน ๆ เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดอะไรไปมากก็ไม่ได้ อยู่กับความเงียบของตัวเองมาตลอด

ก่อนจับได้อัดอั้น-กลัวมั้ย? แจง เผย มีทุกอย่าง เพราะเราเป็นคนกลางแจ้ง มีคิวงาน ตารางงานให้เห็นหมด เพราะฉะนั้นเราก็เป็นห่วงสามีและลูก ต่อมาค่อยเป็นตัวเอง มันจุกอยู่ในอกตลอดเวลา เราทำทุกอย่างจนสามีเครียดไปด้วย เพราะต้องเช็กตลอดว่าถึงบ้านหรือยัง เป็นยังไงบ้าง


ด้าน แจ๊ส เผย บอกภรรยาตลอดว่าไม่มีอะไรน่ากลัวเลย เพราะถ้าใครสงสัยอะไรให้ถามตัวเองโดยตรง เพราะไม่มีเวลาไปโกหกใคร เวลาคนนั้น (บู๊) พูดไม่ต้องไปฟังมาก ความจริงมันก็คือความจริง ตนไม่มีเวลามานั่งเขียนนิทานให้คนรัก หรือให้คนเกลียดหรอก ถ้าตนผิดจริง ตนก็กล้ายอมรับผิด ไม่ได้มานั่งตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จเพื่อให้ตัวเองชนะนะใครหรอก แค่นั่นเอง ไม่ต้องไปเชื่อคนนั้น (บู๊) มาก เพราะความจริงอยู่ที่แจง

ส่วนเรื่องเสพยาเสพติด ไม่ใช่เขาคนเดียว แต่มีเพื่อนเขาด้วย ตอนนี้หลักฐานอยู่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ผ่านมาตนพูดอะไรออกไป คือพูดความจริง เพราะมีหลักฐานทั้งหมด ตอนนี้อยู่ที่ตัวเขา (บู๊) คนเดียว ว่าเขาจะพูดความจริงหรือเปล่า

ซัพพอร์ตภรรยายังไงบ้าง เพราะโดนหนักอยู่เหมือนกัน? แจ๊ส เผยตัดสินใจอะไรไม่ได้ แต่ตนให้เกียรติภรรยา จะใช้คำว่าไม่ใช่เรื่องของเรา ก็พูดได้ แต่ความเป็นห่วงภรรยาเรามีเต็ม 100 แต่เราตัดสินใจไม่ได้ เพราะถ้าเราตัดสินใจเดี๋ยวภรรยาจะลำบากใจ ที่ผ่านมาเห็นเขาเครียดหนัก แต่ไม่อยากพูดเยอะ เพราะจะเป็นการเผยจุดอ่อนให้คู่ต่อสู้เห็น อยากให้เขา (บู๊) พูดออกมาเลย ไม่ใช่มาใช้จิตวิทยา เพราะถ้าคนเรามีอะไรจริง ๆ มันพูดออกมาแล้ว แต่ตอนนี้ไม่อยากไปโรงพัก ไม่อยากเจอหน้า เสียเวลา จับได้แล้วให้กฎหมายเป็นตัวจัดการ ถ้าเขา (บู๊) ออกมาก็ไม่ได้กลัวเลยอะไรเลย เขาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด


ตอนนี้มี 3 คดี หนึ่งคดีลักทรัพย์ในเคหสถาน สองคดีหมิ่นประมาท และสามคดีทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ ก็เป็นแค่ 3 คดี เพราะเขา (บู๊) ทำอะไรเรามา รู้สึกว่าทำแบบนี้ไม่ได้ ไม่ว่าจะถูกหรือผิดก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับใคร ตนทนมาครึ่งปี กับการที่เขาไลฟ์สด โพสต์ต่าง ๆ นานา ตอนนี้ไม่อยากไปไหน นอกจากอยู่ในที่ของเรา คือบ้านกับร้าน แม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่มันบั่นทอนจิตใจเรามาก

ส่วนที่ตำรวจนครบาลจับได้ เขาบอกว่าได้เข้าไปดูไลฟ์สดก็ทนไม่ได้เหมือนกัน เขาเลยยื่นมือเข้ามาช่วย เพราะสงสารเรา จึงให้ทีมไปช่วยจับ เห็นว่าท้าทายทีมตำรวจไทย เพราะมีหมายจับแต่ยังออกมาไลฟ์สด ใช้เวลาในการจับ 4 วัน ในเรื่องของโทษตนยังไม่รู้ ต้องถามทางตำรวจ สน.มีนบุรี มี 2 คดี คดีทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ และคดีลักทรัพย์ ส่วน สน.ลาดพร้าว เป็นคดีหมิ่นประมาท

หลังจากนี้ปล่อยชิลล์ อยู่กับความเป็นจริง อนาคตเขา (บู๊) ออกมาก็ต้องตามนั้น เพราะไม่ใช่ต้องถูกขังตลอดชีวิต ถ้าออกมาแล้วไม่มายุ่งกับชีวิต ก็อยากจะขอบคุณเลย ไม่อยากจะยุ่ง อยากตัดขาดกันไปเลย .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 142 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม