ชาล็อต เปิดใจทั้งน้ำตา ไม่ได้เงิน 4 ล้านบาทคืน จากมิจฉาชีพ ลั่นอยากให้เคสของตนเป็นอุทาหรณ์

เรียกว่าแฟน ๆ ส่งกำลังใจให้ “ชาล็อต ออสติน” กันเป็นจำนวนมาก หลัง เธอ ถูกมิจฉาชีพหลอกเงินไป 4 ล้านบาท และบังคับให้วิดีโอคอลตลอด 24 ชั่วโมง ล่าสุดวันนี้ “ชาล็อต” มาพร้อมกับ “บอสณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่า “ตอน 17:00 น. (7 ธ.ค. 67) มีเบอร์แปลกโทรมา เป็นเบอร์หน่วยงาน ซึ่งตนเข้าใจว่าเป็นทางร้านที่ตนติดต่อขอใบกำกับภาษี แต่ที่จริงคือมิจฉาชีพ ที่เขาแจ้งงชื่อและยศ อ้างว่าเป็นผู้ต้องหาที่ขายบัญชีให้กับบุคคลหนึ่งเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินตนเองก็คุยเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้ทำและได้มีกดโค้ด และมีการโอนสายต่อให้ตำรวจอีกคน พอกดโค้ดทำให้ผู้อื่นติดต่อได้ ตัดการสื่อสารจากผู้อื่น และบอกว่าเป็นการตาม GPS แถมยังวิดีโอคอลไลน์ทั้งภาพและเสียง และห้ามบอกใครเพราะเป็นความลับ หากบอกผู้อื่น คนอื่นจะโดนจำคุกและปรับไปด้วยและ 1 ทุ่ม จะออกหมายจับ ถ้าไม่ให้การยืนยันว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ตนจึงยอมพูดคุยกับเขาต่อ ตนจึงได้โดนเงินไป 2 ล้าน เพราะอีกฝ่ายอ้างว่าจะต้องทำการตรวจสอบ และจะโอนเงินคืนมาให้ 15-30 นาที แต่พอโอนไปก็แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้โอนมา เพราะบอกว่าประชุมอยู่ ที่ผ่านมาตนได้บอกความจริงทั้งหมด เขาสอบถามว่าเคยมีคดีหรือไม่ ตนก็ยืนยันว่าบริสุทธิ์ เวลาเที่ยงคืน ทางเจ้าหน้าที่ที่อ้างว่าเป็นผู้การ จะพักประชุม เพื่อมาคุยกับตน บอกว่าตรวจสอบยอดแล้ว จึงโอนไปยอดรวม 2 ล้าน เพราะธนาคารของตนโอนได้วันละ 2 ล้าน


ก่อน “ณวัตน์” จะโชว์หลักฐานที่ “ชาล็อต” ได้แอบบันทึกภาพไว้ ชาล็อต ชาร์จแบตไว้ ไม่ได้ปิดโทรศัพท์ แต่พอตี 3 วันต่อมา เลขาจึงได้เห็นว่ามีเหยื่อโดนแบบนี้เหมือนกัน 8 โมงเช้าตนจึงได้พยายามให้อีกฝ่ายเปิดกล้อง ฝั่งนั้นจึงขู่ว่าสามารถโดนได้อีก 1 คดี เจ้าตัว ไม่ได้เอะใจเนื่องจากมีเอกสารหมายส่งมาให้ตน เพราะเป็นข้อมูลของตนเองที่ถูกต้อง ซึ่งเบอร์นั้นคือ +698907081036 / +09927322357 (สันติ พนักงานDSI) โดยหลังจากที่รู้ตัว ก็โทรหาธนาคารเพื่อออายัดบัญชีระงับชั่วคราว และรีบไปที่สน.สุทธิสาร เพื่อแจ้งความและลงบันทึกประจำวันในวันที่ 8 ธันวาคม เวลา 04:07 น. และถูกแนะนำให้เอาเอกสารเพื่อไปอายัดบัญชีปลายทาง แต่ได้รับแจ้งว่าเงินไม่อยู่แล้ว “ณวัตน์” ตกใจทำไมไปไกลถึงตรงนั้น และตอนนั้นตนอยู่ฟิลิปปินส์ บอกให้ ชาล็อต วางสาย ถอดซิม เพราะคนเหล่านี้ไม่อยู่ในประเทศ และให้ส่งคลิปให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจเช็ก ซึ่งเป็น AI 100% มันคือความแนบแเนียบครบวงจร แต่ที่ “ชาล็อต” ยังงติดต่ออยู่ อาจจะเพราะความกลัว คิดว่ามันคือความจริง น้องตระหนักเหตุ-ผลน้อยไปหน่อย ถือเป็นความโชคดีของมิจฉาชีพ และความโชคร้ายของชาล็อต

“ชาล็อต” บอกว่ารู้สึกกลัวและตนเองอยู่คนเดียว เพราะกลัวความผิดและกลัวสังคมมองว่ามีความผิด ด้าน บอสณวัตน์ เสริม ที่น้องยังติดต่อกับมิจฉาชีพ เพราะมีความหวังว่าจะได้เงินคืนที่ผ่านมาได้ให้ข้อมูลกับทางตำรวจไซเบอร์แล้ว เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา การติดตามความคืบหน้าไป “ณวัตน์” เผยว่าเป็นเรื่องที่ยาก การได้เงินเป็นไปได้ยากมาก แต่สิ่งหนึ่งที่บอกลูกน้องตลอด คือ พนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ข้าราชการ ไม่มีใครทำงานด้วยระบบออนไลน์ แต่คนที่ทำผิดก็ไม่ว่ากัน เพราะฉะนั้นหากเจอแบบนี้ก็อย่าไปตกหลุงพรางอีกเด็ดขาด ฝากเป็นอุทาหรณ์ หากผิดจริงก็ยอมไปศาล


ก่อน “ชาล็อต” จะน้ำตาคลอ ๆ หลังจากที่ได้ยินว่าไม่มีหวังในการได้เงินคืน รู้สึกช็อก พยายามใจเย็นและดึงสติกลับมา ตอนนี้เปิดโหมดเครื่องบินโทรศัพท์ไว้ตอนนอน และมีน้องเลขาอยู่เป็นเพื่อน รับต้องมีกะจิตกะใจทำงาน เพราะเงินหายต้องรีบทำงาน ตอนนี้ยังมีการรักษาอาการแพนิกโดยการทานยาอยู่ อยากเตือนให้ระวัง เพราะมิจฉาชีพมีทำงานเป็นระบบมาก ให้เคสของตนเป็นอุทาหรณ์ เพื่อไม่ให้มีเหยื่อเพิ่มเติม ฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการปัญหานี้ เพราะเหยื่อมไม่ใช่คนผิด


“ณวัตน์” เสริม ไม่รู้ว่าหน่วยงานราชการจะทำยังไงได้ ควรออกมาตราการที่ดีเพื่อรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ เช่นมาตรการรุนแรงพิเศษกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต้องลงโทษให้หนัก ต่อจากนี้หากเจ้าหน้าที่อยากขอความร่วมมือ ณวัตน์-ชาล็อต ก็ยินดีให้การที่เป็นประโยชน์

ต่อมา ตำรวจไซเบอร์ พลตํารวจตรี วิวัฒน์ คําชํานาญ รองผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ เปิดเผยว่า วันนี้เพิ่งได้รับคำสั่งเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมาให้ติดตามคดีของ ชาล็อต พยายามติดตามค้นหา เพิ่งมารู้ว่ามีการแจ้งความไว้ที่ สน.สุทธิสาร มีการถูกหลอกไปจำนวน 4 ล้านบาท วันนี้ตำรวจไซเบอร์จะทำการสืบสวนสอบสวนเลย คาดว่าวันอาทิตย์น่าจะได้ทราบความคืบหน้า คิดว่าคดีจะน่าเสร็จสิ้นใน 2-3 วันนี้ ส่วนเรื่องบัญชีม้ารู่ตัวแล้วอยูาในระหว่างการสืบสวน เชื่อว่าคดีนี้ไม่ซับซ้อน เคสนี้โอนเข้า บช แรกและเข้าสู่สถาบันการเงินเลย กำลังดูว่าผู้ได้รับผลประโยชน์นั้นเป็นใคร ตอนนี้มีการรับข้อมูลไว้แล้ว มีโอกาสตามตัวได้อยู่แล้ว บชม้าอยู่ในไทย สุดท้ายก็ต้องขอเส้นทางการเงินจากสถาบันการเงินไว้แล้ว เบื้องต้นอยู่ระหว่างการสืบสวน ขอดูสถาบันการเงินก่อนว่าจะได้เงินคืนมั้ย ให้เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนก่อน ถ้าเคสนี้มีการกดตู้เงินสดก็จะออกไป จะออกเป็นลักษณะคริปโตก็จะมีผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งก็ต้องสอบสวนก่อน ตามปกติคอลเซ็นเตอร์ไม่รู้ว่าใครเป็นใครเขาสามารถรีโมตมาจากไหนก็ได้ สุ่มจากเป็นหมื่น ๆ เบอร์ ดังนั้นใครจะเดินก็ได้ แต่ตำรวจไม่ได้ช่วยแค่ดาราประชาชนทั่วไปเราก็ช่วย คิดว่ามิจฉาชีพก็น่าจะสุ่มมาเจอ ชาล็อต .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 440 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม