จากกรณีมีคลิปเสียงอดีตนักร้อง-นักแสดง “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” อดีตรองโฆษกและอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เรียกรับทรัพย์บอส ดิไอคอน กรุ๊ป แลกกับการออกรายการโหนกระแส ของพิธีกรชื่อดัง “หนุ่ม กรรชัย” และมีการขุดหลายคดีในอดีตของ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ล่าสุดมีรายงานข่าวว่าวันนี้ 18 พ.ย. 2567 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จะเรียกประชุมพนักงานสอบสวนว่าจะออกหมายเรียก หรือ ออกหมายจับ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” หรือไม่
เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และพ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมติดตามหารือ 6 เรื่อง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า วันนี้มีการประชุม 6 เรื่อง ประกอบด้วยเรื่องของ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ 4 เรื่อง มีในเรื่องของการเรียกรับ 300,000 กับ 450,000 บาท จนถูกออกหมายจับไปแล้ว , เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องของนายภูดิท กำเนิดพลอย หรือ หนุ่ม กรรชัย ที่แจ้งความเรื่องหมิ่นประมาททั้งกับตัว น.ส.กฤษอนงค์ และ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม, เรื่องที่ 3 เป็นเรื่องของ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่แจ้งความเอาผิด น.ส.กฤษอนงค์ ในเรื่องหมิ่นประมาท และเรื่องที่ 4 เป็นเรื่องที่ น.ส.กฤษอนงค์ และ ฟิล์ม รัฐภูมิ มีการเรียกรับเงินจาก บอสพอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล กับ บอสปัน น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร จำนวนเงิน 20 ล้าน ซึ่งในคดีนี้ผู้เสียหายจะมอบอำนาจให้ทนายความมาแจ้งความในวันพรุ่งนี้
เรื่องที่ 5 เป็นเรื่องของนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือ เอก สายไหมต้องรอด ในเรื่องนี้มีความคืบหน้าไปแล้วประมาณแล้ว 80-90% ถ้าไม่ติดปัญหาอะไร จะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ขอให้ทางพนักงานสอบสวนเป็นผู้พิจารณาทุกอย่าง ส่วนตัวพยานจะโดนด้วยหรือไม่ และจะเข้าข่ายในเรื่องอะไรบ้างนั้นก็ให้ทางพนักงานสอบสวนเป็นผู้พิจารณา อย่างไรก็ตามจะต้องมีการหารือร่วมกับ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. ก่อนว่าเนื้อหาในสำนวนมีอะไรขาดตกบกพร่องบ้างหรือไม่ แต่ยืนยันว่า จะมีการดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างแน่นอน เนื่องจากสร้างความตื่นตระหนกให้แก่สังคม
และเรื่องที่ 6 เรื่องของนาย ส.เสือ (นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช) ซึ่งได้ข้อมูลใหม่ เป็นการโอนเงินจากบัญชีแม่ของนาย ส.เสือ ไปถึงตัวของนาย ส.เสือ กว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 64-67 ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งหากถ้าไม่มีผู้ร้องทุกข์แจ้งความก็อาจจะดำเนินการได้ในฐานะที่นายส.เสือ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก็จะเข้าข่ายความผิดคดีอาญาทุจริต อย่างไรก็ตามจะต้องมีการนำไทม์ไลน์ของการโอนเงินและระยะเวลาในการรับตำแหน่งมาตรวจสอบอีกครั้ง จึงต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานในส่วนนี้ หากผลสรุปแล้วไม่สามารถดำเนินคดีได้ก็จะเขียนเป็นรายงานสืบสวนส่งให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ดำเนินคดีข้อหาฟอกเงิน
ด้าน พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า ในส่วนคดีของ ฟิล์ม กับ น.ส.กฤษอนงค์ กับเคสอื่นของ น.ส.กฤษอนงค์ ขอเวลาทำงาน 10 วัน เพราะต้องมีการเก็บพยานและสอบปากคำพยานและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกหลายปาก โดยในส่วนที่เป็นคดีของบอสดิไอคอนนั้น หากมีใบมอบอำนาจมาแจ้งความก็สามารถดำเนินการได้เลย โดยในส่วนนี้หากแจ้งความ อาจจะเป็นในส่วนของนิติบุคคลในนามบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งต้องมาถอดคลิปเสียง แล้วก็ต้องมาพิจารณา หากพบว่าเป็นการหลอกให้โอนเงิน 20 ล้านบาท ก็จะเข้าข่ายข้อหาพยายามฉ้อโกง แต่หากพบว่ามีการพูดข่มขู่ก็จะเข้าข่ายข้อหากรรโชกทรัพย์ ส่วนจะเป็นหมายเรียกหรือหมายจับต้องอยู่ในดุลพินิจการพิจารณากันอีกครั้ง
ล่าสุด มีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐว่า “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้วเมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐคนที่ 2 ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอน กรุ๊ป และต้องลาออกจากพรรค .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน