แม่ลี ของ แก้มบุ๋ม เคลียร์ดรามา ยันไม่พูดโกหกเพราะผิดศีล 5 ลั่นจบปริญญา 4 ใบพูดแต่สิ่งที่ดี

จากดรามาระหว่างนางเอกกับนางร้ายที่เป็นประเด็นร้อนก่อนหน้านี้สนั่นวงการบันเทิง ซึ่งฟากนางร้ายก็คือ “แก้มบุ๋ม ปรียาดา” ส่วนนางเอกก็เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และเมื่อไม่นานมานี้ นางเอกคนดังกล่าว เพิ่งออกมาเปิดใจว่าจะไม่ขอร่วมงานด้วยตลอดไป ล่าสุดวันนี้ (28 มี.ค. 67) แม่ลี ของ แก้มบุ๋ม ออกงานก็ถูกถามเรื่องดรามาที่เกิดขึ้น ก่อนจะตอบ แม่ลี ก็ยิ้ม ๆ พร้อมบอกว่าไม่ค่อยมีเสียง แต่ยืนยันไม่เคยพูดโกหก


“เสียงไม่ค่อยมี เพราะว่าต้องเอาไว้รับจ้างไลฟ์สด ตอนนี้ไลฟ์สดจากแสนสอง ก็เหลือแสนหนึ่งต้องเก็บเสียงไว้ เพราะว่าอาชีพที่ทำก็คือพูดอะไรก็ได้ที่ออกมาสมองเราแล้วเป็นความจริงอย่างเช่นมนุษย์ก็เหมือนต้นไม้ไม่ใส่ปุ๋ยพรวนดินจะเจริญเติบโตได้อย่างไรถูกต้องไหมค่ะ มันสมประการที่เราเรียนจบมาปริญญา 4 ใบนะคะ แล้วพูดในสิ่งที่ดีและเป็นความจริง ความจริงเท่านั้นที่จะอยู่แล้วครองในโลกใบนี้ นี่สำหรับแม่ลีเหลือเวลาอีกไม่กี่วันเองที่เราจะมีชีวิตที่จะเดินทางอายุตั้ง 58 ปี เราจะไม่พูดโกหก (เน้นคำ) ส่วนเรื่องกระแสตีกลับไปหา “แก้มบุ๋ม” แม่ลี แจงว่า “เราทำงาน เราเอาเวลาทั้งหมดในชีวิตเราทำงานเพราะว่าการทำงานเรานอนแล้วก็เสียเงิน เราจะต้องหาเงิน เปิดแอร์ ตื่นมากลางดึกเข้าห้องน้ำ เอาเวลามาทำมาหากิน เอาเวลามาทำสวยส่วนไหนหย่อนยานก็ดึงขึ้น ผมอันไหนหงอกก็ย้อม มืออันไม่สวยฉีดแค่นี้คือจบแล้วค่ะ

สอนลูกมาเป็นต้นพะยูง ไม่ได้สอนมาให้เป็นต้นมะยมแล้วล้มหักเอง ต้นพะยูง ยิ่งแก่ยิ่งขลังนะคะ ส่วน แม่ลี อายุขนาดนี้แล้ว เราเป็นผู้ใหญ่ ผู้สูงวัย แต่อาศัยว่าร่างกายไม่ได้ไปตามอายุก็เลยยังครองสภาพได้ ถ้าคนรู้จัก แม่ลี นะคะ หนึ่งไม่โกงใคร สองถ้าไปกินข้าวกับคนที่รวยกว่าเราหรืออะไรก็แล้วแต่เราควักตังค์เลี้ยงก่อน แฮปปี้ไม่เคยโกงใคร ไม่เคยทำอะไรใคร ขอความช่วยเหลือใครก็ต้องมีผลตอบแทน ไม่พูดโกหกเพราะผิดศีล 5 ระยะ 30 กว่าปียังไม่ได้เปลี่ยนสามีเลยนะคะ


นักข่าวถามต่อยืนยันว่าเรื่องทุกอย่างที่เราพูดคือความจริง แม่ลี ตอบว่า “ไม่รู้ว่ายืนยันอะไร แต่เราพูดทุกอย่างในชีวิตไม่ว่าจะการทำงาน ไม่ว่าจะการดูแลตัวเองหรืออะไร ไม่ว่าจะความลำบากทุกอย่างคือความจริง เราไม่ได้กล่าวถึงใครเพราะว่าจริง ๆ แล้ว เราเอาตัวเองให้มีความสุข ดูหน้าตา ดูผิวพรรณ ดูรอยยิ้มทุกอย่างเอามาเก็บรายละเอียดเขียนคิวให้ตรงกันมีความสุขค่ะ มาโฟกัสที่การทำงาน มาโฟกัสชีวิตใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น มีแค่ 2 วัน เมื่อวานกับวันนี้ วันพรุ่งนี้ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้มีชีวิตหรือเปล่า ณ วันนี้เอาความสุขมา ดูหน้าตาไม่ต้องเสแสร้ง ปริญญาจบต้องนานแล้วแต่ไม่ได้ใช้ แต่เอาความรู้ที่อยู่ในสมองออกมาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยการเอาสมองมาพูดเรื่องการไลฟ์ แต่ถ้าเอาสมองในการเรียนมาใช้ในชีวิตประจำวันก็กินเงินเดือนก็ไม่คงแม่ลี” .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 3,845 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม