แม้จะจากโลกนี้ไปนานถึง 10 ปีแล้ว แต่งานเพลงของ ไมเคิล แจ็คสัน ยังคงเป็นอมตะ ถึงอย่างนั้น เอียน ดรูว์ บรรณาธิการบริหารสื่อเพลงแถวหน้า Billboard วิเคราะห์ว่าข้อกล่าวหาเรื่องคุกคามทางเพศที่ถูกหยิบมาเป็นประเด็นใหม่ในหนังสารคดี Finding Neverland มีผลกระทบทั้งบวกและลบต่อผลงานของราชาเพลงป็อปผู้ล่วงลับอยู่เหมือนกัน เอียน บอกว่า จริงๆ แล้วความฮอตของงานเพลง ไมเคิล มีอันต้องสะดุดหลังตกเป็นประเด็นฉาวลวนลามทางเพศเด็กชายตั้งแต่ต้นยุค 90 ถึงขนาดที่ไมเคิล ทิ้งหนี้ก้อนโตตอนที่เสียชีวิต แต่เพราะการจัดการอย่างชาญฉลาดของกองมรดกไมเคิลแจ็คสัน ที่ผลักดันให้งานเพลงของเขากลับมาสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำจนตอนนี้มีมูลค่าเป็นพันล้านเหรียญแล้ว
ส่วนการที่ ครอบครัวแจ็คสัน ออกมาประณามผู้สร้างสารคดี Finding Neverland ทั้งยังโจมตีคนที่อ้างตัวเป็นเหยื่อทางเพศของไมเคิล ว่าเป็นพวกลวงโลก เอียน ก็เข้าใจในสิ่งที่ครอบครัวแจ็คสันทำ เพราะเรื่องนี้เป็นสิ่งที่รับมือได้ยากจริงๆ เรียกว่าต่อให้นิ่งเฉยไปก็คงถูกจับตาอยู่ดี โดยเอียน เห็นด้วยกับคำพูดของพิธีกรหญิง โอปราห์ วินฟรีย์ ที่เคยเอ่ยไว้ว่า ต่อให้คุณจะออกตัวว่ารู้จักไมเคิล แจ็คสันดีแค่ไหน แต่คนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องนอนจริงมั้ย ก็มีแค่คนที่อ้างตัวเป็นเหยื่อ และไมเคิลเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ ไมเคิล ก็จากโลกนี้ไปแล้ว จึงไม่มีใครฟันธงได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่า เขาทำพฤติกรรมแบบนั้นจริงอย่างที่ถูกกล่าวหาหรือเปล่า ดังนั้นประเด็นนี้ก็ยังคงจะเป็นที่ถกเถียงกันต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด สิ่งที่เป็นผลเสีย คือ สื่อหลักบางเจ้าตัดสินใจแบนผลงานของไมเคิลบ้าง แต่มันไม่มีผลกับยอดดาวน์โหลดเพลงอยู่ดี เพราะต้องยอมรับว่า ผลงานของเขามันตราตรึงอยู่ในความทรงจำของแฟนเพลงเกินกว่าจะลบเลือนได้จริงๆ