วงร็อคระดับตำนาน “Queen” ควงแขน “อดัม แลมเบิร์ท” โชว์เปิดงานแจกรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 91 อย่างอลังการเพราะหนัง “Bohemian Rhapsody” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของนักร้องนำผู้ล่วงลับ “เฟร็ดดี้ เมอร์คิวรี่” แห่งวงQueen คว้ารางวัลออสการ์ไปถึง 4 ตัว จากที่เข้าชิงทั้งหมด 5 สาขา ได้แก่ ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม ผสมเสียงยอดเยี่ยม ลำดับภาพยอดเยี่ยม และรางวัลใหญ่ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ที่เต็งหนึ่งอย่าง “รามี มาเลก” คว้าไปแบบไม่พลิกโผ
ผิดกับนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมที่ผิดคาดเล็กน้อย เมื่อเต็งหนึ่ง “เกลน โคลส” จาก”The Wife” ชวดรางวัลนี้ให้กับเต็งรองอย่าง “โอลิเวีย โคลแมน” จาก “The Favourite” แต่ถือว่าสมศักดิ์ศรีเพราะโอลิเวียถ่ายทอดบทควีนแอนน์ผู้เอาแต่ใจได้ดีจนนักวิจารณ์แห่กันชูป้ายไฟเชียร์
รางวัลนักแสดงสมทบชายและหญิงยอดเยี่ยมเป็นไปตามคาด เมื่อ 2 นักแสดงผิวสี “มาเฮอร์ชาล่า อาลี” จากหนังสะท้อนความสัมพันธ์คน่ผิวสีและคนผิวขาวแบบฟีลกู๊ดเรื่อง “Green Book” และ “เรจิน่า คิง” จาก “If Beale Street Could Talk” ขึ้นรับรางวัลนี้ไปแบบสวยๆ หลังจากเดินสายรับรางวัลบนเวทีอื่นๆ มาการันตีฝีมือไว้
ส่วนหนังขาวดำสัญชาติเม็กซิกัน เรื่อง”Roma” ที่เข้าชิงถึง 10 รางวัลเก็บไปได้เพียง 3 รางวัล แต่เป็นรางวัลใหญ่ คือ ผู้กำกับยอดเยี่ยม “อัลฟองโซ คัวรอง” ตามคาด ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม และถ่ายภาพยอดเยี่ยม ไม่เสียทีที่ระบบให้บริการดาวน์โหลดออนไลน์ยักษ์อย่าง “Netflix” ผู้สร้างหนังเรื่องนี้จะทุ่มทุนโปรโมทหนังถึง 800 ล้านบาทเพื่อให้หนังผงาดบนเวทีออสการ์ได้สำเร็จ
แต่ Roma พลาดรางวัลใหญ่สุด ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมให้กับ Green Book ที่พ่วงด้วยรางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมกับการสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างคนผิวสีและคนผิวขาวเชื้อสายอิตาลี ในยุคที่สังคมอเมริกันยังคงกีดกันทางสีผิวอย่างรุนแรงได้อย่างลงตัว
ขณะที่ผู้กำกับมากฝีมือ “สไปก์ ลี” ที่เพิ่งมีลุ้นออสการ์ครั้งแรกปีนี้ทั้งที่คร่ำหวอดในฮอลลีวู้ดมาหลายสิบปี ที่เก็บกลับบ้านมาได้เพียงรางวัลเดียวคือ บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม จากหนังที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการเหยียดสีผิวเหมือนกันอย่าง “BlacKkKlansman”