สรุปวงการหนังต่างประเทศ 2018 ปังหรือแป้ก

    คงไม่มีจักรวาลไหนจะยิ่งใหญ่เกรียงไกรในโลกแห่งภาพยนตร์เท่าจักรวาลมาร์เวลอีกแล้ว เพราะส่งเรื่องไหนมาก็เปรี้ยงทุกเรื่อง ยิ่งปี 2018 เล่นขนมาทั้งแก๊งก็ยิ่งปังแบบไม่ต้องสืบ  เพราะหนังรวมดาวซูเปอร์ฮีโร่ภาค 3 Avengers : Infinity War นำโด่งกวาดเงินคอหนังทั่วโลกมาเป็นอันดับ 1 ของปี 2018 และขึ้นแท่นหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องแรกที่ทำรายได้ทะลุ 2,000 พันเหรียญ โดยไปหยุดอยู่ที่ 2,046.9 ล้านเหรียญ หรือราว 65,500 ล้านบาท ขึ้นแท่นหนังที่ทำรายได้ทั่วโลกสูงสุดตลอดกาลอันดับที่ 4 ต่อจาก Avatar / Titanic และ Star Wars : The Force Awakens      


แต่ซูเปอร์ฮีโร่ที่แจ้งเกิดในปี 2018 ตัวจริง ต้องยกให้ ซูเปอร์ฮีโรเสือดำ Black Panther ที่ได้ชื่อว่าเป็นซูเปอร์ฮีโร่ผิวสีคนแรกของค่ายมาร์เวล เพราะหนังไม่เพียงได้รับเสียงตอบรับในแง่บวก ถึงขนาดที่นักวิจารณ์เชียร์ให้เข้าชิงรางวัลใหญ่บนเวทีออสการ์ แต่ยังกวาดรายได้ทั่วโลกถล่มทลายถึง 1,346.9 ล้านเหรียญ หรือกว่า 43,100 ล้านบาท ซึ่งกว่าครึ่งมาจากผู้ชมชาวอเมริกัน ที่ประเด็นความขัดแย้งและเรียกร้องสิทธิของคนผิวสีค่อนข้างเข้มข้น  ซึ่งความสำเร็จของ  Black Panther ก็คงทำให้ผู้สร้างหนังฮอลลีวูดต้องหันกลับมาให้ความสำคัญกับผู้ชมผิวสีมากขึ้น เพราะพวกเขาคือตัวแปรสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นกระแส และทำเงินสูงสุดในสหรัฐอเมริกาปี 2018  

ส่วนที่สร้างกี่ครั้งๆ ก็ยังโกยตังค์ได้เรื่อยๆ ก็เห็นจะเป็นเหล่าไดโนเสาร์คืนชีพ ซึ่งปี 2018 ก็ขนขบวนมาขึ้นจอยักษ์เป็นภาคที่ 5 แล้ว แต่ถือเป็นภาคที่ 2 ของการนำกลับมารีเมกใหม่ ใน Jurassic World : Fallen Kingdom ซึ่งดูดเงินจากกระเป๋าคอหนังทั่วโลกไปสวยๆ 1,304 ล้านเหรียญ หรือกว่า 41,700 ล้านบาท แต่ก็ยังน้อยกว่าภาคที่แล้ว Jurassic World ที่ทำไว้ 51,700 ล้านบาท เพราะเสียงตอบรับของผู้ชมและนักวิจารณ์บอกว่าภาคก่อนบทแน่นกว่า


มาถึงหนังที่มาช้าแต่ได้พร้าเล่มงาม คือแอนิเมชั่น Incredibles 2 ที่แม้จะห่างจากภาคแรกถึง 14 ปี แต่เพราะหนังมีแง่มุมใหม่ๆ ของครอบครัวซูเปอร์ฮีโร่จอมป่วนมานำเสนอ เลยทำให้

คอหนังแห่กันอุดหนุน จนเก็บเงินเข้ากระเป๋าค่ายพิกซาร์ไป 1,240 ล้านเหรียญ หรือเฉียด 4 หมื่นล้านบาท ขึ้นแท่นหนังแอนิเมชั่นที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลรองจากเจ้าหญิงน้ำแข็ง Frozen เท่านั้น  

แต่ที่สวนกระแสนักวิจารณ์ ขึ้นมารั้งอันดับ Top Five หนังทำเงินสูงสุดของปี 2018 คือ   Venom ที่หยิบเอาวายร้ายใน Spider Man มาต่อยอดเป็นหนังของตัวเอง ภายใต้ความร่วมมือกันครั้งแรกของค่ายโซนี่ และ มาร์เวล  แม้นักวิจารณ์จะค่อนข้างติดลบกับ Venom  แถมรายได้ในอเมริกาก็แค่พอไปวัดไปวา คือ 211 ล้านเหรียญ แต่วายร้ายตัวนี้ยังมีสิทธิได้ไปต่อ เพราะมีรายได้ในตลาดต่างประเทศมาช่วยกู้หน้า จนทำให้รายรับรวมทั่วโลกทะยานไปอยู่ที่  822 ล้านเหรียญ หรือกว่า 26,300 ล้านบาท 


เห็นทีพี่ทอม ครูส คงต้องเหนื่อยคิดฉากบู๊ให้อลังกว่าเดิม เพราะยังไม่สามารถทิ้ง “ภารกิจที่เป็นไปไม่ได้” ได้ซะที เนื่องจากหนัง Mission Impossible ภาค 6  Fall Out แม้จะทำให้พี่ทอมขาเดี้ยงไปเป็นเดือน แต่ก็ถือว่าคุ้ม เพราะขึ้นแท่นหนัง Mission ที่ทำรายได้สูงสุดถึง 791 ล้านเหรียญ หรือกว่า 25,300 ล้านบาท แถมนักวิจารณ์ยังชื่นชมว่าเป็น Mission ภาคที่ดีที่สุดอีกด้วย แล้วอย่างเนี้ย พี่ทอมจะตัดใจไม่สร้างภาคใหม่ยังไงไหว 

ส่วนที่ไม่ต้องเชียร์  เพราะพี่แกมาแน่ คือซูเปอร์ฮีโร่จอมเกรียน  Deadpool ที่เดินหน้าสร้างภาค 3 แล้ว เพราะภาค 2 ที่เข้าฉายปี 2018 ปังระเบิด ทั้งเสียงตอบรับจากผู้ชมและนักวิจารณ์ รวมถึงรายได้ก็โกยไปไม่ใช่น้อย 23,500 ล้านบาท

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ Crazy Rich Asians เพราะนอกจากจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นหนังฮอลลีวูดที่มีนักแสดงเอเชียแสดงนำทั้งเรื่องแล้ว เรื่องราวสุดน้ำเน่าของหญิงสาวที่ไม่รู้ว่าแฟนหนุ่มเป็นมหาเศรษฐีแดนลอดช่อง ก็ยังทำเงินในอเมริกาดีเว่อร์ จนผู้สร้างรีบไฟเขียวสร้างภาคต่อตามทันทีแบบไม่ต้องให้รอนาน

มาถึงหนังที่คิดว่าจะปัง แต่กลับแป้ก ก็มีอยู่หลายเรื่อง ทั้ง A Wrinkle in Time ที่อุตส่าห์ขนนักแสดงเกรดเอ+++มาประชันบทบาทล้นจอ พร้อมผลาญทุนสร้างไปถึง  32,00 ล้านบาท  แต่กลับทำรายได้ทั่วโลกได้แค่คุ้มทุนสร้างเท่านั้น  

ส่วนเอเลี่ยนนักล่า The Predator ก็เจออาถรรพ์ตั้งแต่ยังไม่ลงจอ เพราะไม่แค่เจอโรคเลื่อนไปหลายรอบ เนื่องจากต้องปรับแก้แล้วแก้อีก แถมช่วงโปรโมทหนัง ก็มาเจอข่าวหนึ่งในนักแสดงรับเชิญ มีประเด็นคุกคามทางเพศ จนต้องตัดต่อใหม่ก่อนเข้าฉายวุ่นวายไปหมด ทำเอาแฟนหนังหลายคนเปลี่ยนใจไม่อยากดู จนรายได้ไม่เข้าเป้าไปตามระเบียบ 

และหนัง Death Wish ก็เหมือนจะเป็นบทเรียนให้พระเอกนักบู๊วัยแซยิด บรูซ วิลลิส รู้ว่า ถ้าไม่ใช่พี่ จอห์น แมคเคลน ในหนังตระกูลคนอึดตายยาก Die Hard ก็ไม่มีอะไรดึงดูดใจคนดูให้ตีตั๋วชมสักเท่าไร    โชคดีที่หนังลงทุนไม่มากแค่ 30 ล้านเหรียญ  ก็เลยยังไม่ถึงขาดทุนย่อยยับ

 คนอึดตายยาก ยังพอให้อภัย แต่ถ้าหนังดูยากเกินไป คนดูก็ไม่ไหวจะซื้อตั่วไปนั่งตีความในโรงนะจ๊ะ    ต่อให้จะมีนางเอกออสการ์ นาตาลี พอร์ทแมน มาเรียกแขก ก็ยังเข็นไม่ขึ้น เพราะหนัง Annihilation ทำเงินยังไม่คุ้มทุนสร้าง 40 ล้านเหรียญเลยด้วยซ้ำไป 

ส่วนที่ไม่แฮปปี้ไม่ชื่อหนัง เห็นจะเป็น The Happytime Murders ที่คนดูขำไม่ออก เพราะเล่นเอาหุ่นกระบอกขวัญใจคุณหนูๆ มาปู้ยี่ปูยำเข้าข่าย 20+   ผลลัพธ์ออกมาก็เลยเจ๋งสนิทชนิดที่ผู้สร้างคงฮาไม่ออก

มาถึงหนังขำอำแรงอย่าง Action Point ก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน ขนาดลงเงินไปแค่ 19 ล้านเหรียญ ยังได้ทุนคืนมาแค่ 5 ล้านเท่า 

และที่เจอหายนะไม่ต่างจากแนวของหนัง  ยกให้ Hurricane Heist ที่น่าจะทำให้ผู้กำกับ  ร็อบ โคเฮนจากหนัง The Fast and the Furious เสียเซลฟ์หนัก  เพราะหนังทำเงินไปแค่ 6 ล้านเหรียญ ทั้งที่ผลาญทุนสร้างไปถึง  35 ล้านเหรียญ   เรียกว่า เฮียร็อบ คงเข็ดหนังเฮอริเคนไปอีกนาน  

ปิดท้ายด้วยหนัง Robin Hood 2018 ที่ฟอร์มดีแต่ทีเหลว เจ๊งส่งท้ายปลายปี เพราะจนถึงตอนนี้ ก็ยังทำเงินไม่คุ้มทุนสร้าง 100 ล้านเหรียญ

เข้าชม 38 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม