ล้วงลึกเบื้องหลังแอนิเมชั่น “อะลาดิน”

ฉากอมตะของหนังการ์ตูน “อะลาดิน” เด็กหนุ่มยากจนที่ชีวิตพลิกผัน หลังถูตะเกียงวิเศษปลดปล่อย “จินนี่” ยักษ์จอมกวนผู้เสกให้เขากลายเป็นเจ้าชายในพริบตา ก่อนที่เรื่องสนุกๆ จะเริ่มต้นขึ้น 


แต่กว่าจะแอนิเมชั่นสุดคลาสสิกของค่ายดิสนีย์เรื่องนี้ จะออกสู่สายผู้ชมทั่วโลก “จอห์น มัสเคอร์”หนึ่งในผู้กำกับเล่าว่า ต้องใช้เวลาถึงปีครึ่ง เพราะภาพเพียง 2-3 วินาทีที่เห็นในหนังนั้น แอนิเมเตอร์ต้องใช้เวลาสร้างสรรค์ถึง 1 สัปดาห์เลยทีเดียว 

โดยเฉพาะตัว “อะลาดิน” พระเอกของเรื่อง ซึ่งอ้างอิงลุคโดยรวมมาจากบุคลิกของซุปตาร์หน้าหล่อ “ทอม ครูส” ซึ่ง เกลน คีน (Glen Keane) หัวหน้าทีมแอนิเมเตอร์ซึ่งดูแลการวาดตัวละครอะลาดิน ถึงกับเอ่ยปากเลยว่า ยากกว่าการวาดตัวละครเจ้าชายอสูรซะอีก  เพราะอะลาดินเป็นตัวละครที่มีความรู้สึกและอารมณ์มากมาย  จึงต้องระดมแอนิเมเตอร์มากเกือบ 20 คน มาทำงานพร้อมๆ กัน 


อีกสิ่งที่ไม่ธรรดาเช่นกัน คือ พรมวิเศษ ที่ผสมผสานการวาดแอนิเมชั่นแบบดั้งเดิม คือวาดลงบนกระดาษ  กับเทคนิคการการสร้างสรรค์แอนิเมชั่นด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อความสมจริง 

ขณะที่ตัวนางเอก “จัสมิน” ก็หวิดจะได้ใส่ชุดสีชมพู แทนที่จะเป็นชุดสีฟ้าซะแล้ว  เพราะฝ่ายที่ดูแลผลิตภัณฑ์และของที่ระลึกของค่ายดิสนีย์ หวังจะต่อยอดธุรกิจ ทำของเล่นเจ้าหญิงจัสมินออกมาดูดเงินในกระเป๋าแฟนหนัง โดยมองว่าของเล่นสำหรับเด็กผู้หญิงที่เป็นสีชมพูมักขายดีกว่าสีฟ้า แต่ท้ายสุด 2 ผู้กำกับ คือ จอห์น มัสเคอร์ และ รอน เคลเมนส์ (Ron Clements) พยายามเรียกร้องให้ทุกคนสนใจที่เนื้อเรื่องมากกว่าที่จะสนใจเรื่องขายของ จึงสรุปเป็นสีฟ้าเหมือนที่แอนิเมเตอร์ออกแบบมาตั้งแต่แรก 

ส่วนการคัดเลือกคนพากย์เสียงตัวละครหลักๆ ก็อลังการงานสร้างไม่แพ้กัน อย่าง ตัวยักษ์จินนี่ ทีมงานบอกเลยว่า ตั้งใจเขียนบทมาเพื่อให้นักแสดงเจ้าบทบาท “โรบิน วิลเลียมส์” พากย์เสียงโดยเฉพาะ ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แถมยังสปอยล์ทีมงานด้วยการอิมโพรไวซ์และออกแบบเสียงยักษ์จินนี่มาให้ทีมงานเลือกมากกว่า 60 แบบเลยทีเดียว เก่งซะขนาดนี้ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศฮอลลีวูดก็เลยมอบรางวัลลูกโลกทองคำพิเศษให้โรบินจากผลงานการพากย์เสียงในแอนิเมชั่นเรื่องนี้ในปี 1993 


เท่านั้นไม่พอ ยังมีเรื่องเม้าท์เก็บตกว่า “สก็อตต์ ไวน์เกอร์” เจ้าของเสียงอะลาดิน ขอเปลือยท่อนบนเวลาเขาพากย์เสียงตัวละครนี้ เพื่อให้สมจริงและเข้าถึงความเป็นอะลาดินนั่นเอง

ปิดท้ายด้วยเพลงประกอบหนังสุดอมตะ A Whole New World ซึ่งร้องโดยนักร้องซูเปอร์สตาร์แห่งวงการบรอดเวย์ “ลีอา ซาลองกา” และแบรด เคน ก็เป็นเพลงจากค่ายดิสนีย์เพียงเพลงเดียวที่คว้ารางวัลเพลงแห่งปี จากเวทีแกรมมี่ อวอร์ด เมื่อปี 1994 

เข้าชม 503 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม