ชารอน แวกซ์แมน อดีตผู้สื่อข่าวของสื่อดัง The New York Times ออกมาแฉว่า เธอรับรู้ถึงพฤติกรรมฉาวของ ฮาร์วี่ย์ ไวน์สตีน และเกือบจะได้แฉเรื่องนี้ให้ทุกคนได้รับรู้ตั้งแต่ปี 2004 แต่ตอนนั้นฮาร์วี่ย์ ใช้อำนาจของตัวเองในวงการ มาบีบไม่ให้ทางนิวยอร์กไทมส์เผยแพร่เรื่องนี้ เนื่องจาก ฮาร์วี่ย์ เป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของ ไทม์ โดยมีสองพระเอกแถวหน้าของฮอลลีวูดอย่าง แมท เดมอน และ รัสเซล โครว์ ซึ่งเป็นเพื่อนฮาร์วี่ย์ ต่อสายตรงมาสกัดชารอนเลยทีเดียว ชารอน เล่าว่า ฮาร์วี่ย์ จ้าง Fabrizio Lombardo ในตำแหน่งผู้บริหารบริษัทลูกอย่าง มิราแมกซ์ เมื่อปี 2003 -2004 ทั้งที่เขาไม่มีความรู้เรื่องหนัง เพราะในความเป็นจริง Fabrizio จะจัดการเรื่องผู้หญิงให้ ฮาร์วี่ย์ โดยเฉพาะ ก่อนที่ Fabrizio จะออกจากมิราแมกซ์ ไป และมีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะโดนไล่ออก และแม้ในที่สุด The New York Times จะเป็นสื่อที่ออกมาเล่นประเด็นนี้ แต่ ชารอน กลับยกความดีความชอบทั้งหมดให้ Jim Rutenberg นักข่าวที่ตีแผ่เรื่องนี้เท่านั้น ล่าสุดทาง The New York Times ก็ออกมาชี้แจงว่า เหตุผลที่เมื่อ 13 ปีก่อน บทความของชารอน เกี่ยวกับพฤติกรรมฉาวของ ฮาร์วี่ย์ ไม่ได้ถูกเผยแพร่ ไม่ใช่เพราะเกรงกลัวอิทธิพลของฮาร์วี่ย์ แต่ตอนนั้นสิ่งที่ชารอน เสนอไม่มีหลักฐานที่ทำให้เรื่องนี้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ
ขณะที่นักแสดงหลายคนที่เคยร่วมงานกับ ฮาร์วี่ย์ ก็ทยอยออกมาพูดถึงประเด็นนี้ เริ่มจากสองนักแสดงรุ่นใหญ่ จูดี้ เดนช์ กับ เมอรีล สตรีพ ที่ยืนยันว่า ทั้งคู่ไม่เคยรับรู้ถึงพฤติกรรมน่าอายของ ฮาร์วี่ย์ เลย โดยเมอรีล ยังย้ำว่าการที่เธอรู้จักกับฮาร์วี่ย์ ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับ ฮาร์วี่ย์
ฟากจอร์จ คลูนี่ย์ ที่สนิทสนมกับ ฮาร์วี่ย์ ไม่น้อย ก็ยอมรับว่าเขาเคยได้ยินข่าวลือมานานมาแล้วว่า มีนักแสดงหญิงหลายคนยอมมีอะไรกับ ฮาร์วี่ย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาต้องฟังหูไว้หู ที่สำคัญ เวลาไปไหนมาไหนกับ ฮาร์วี่ย์ เขาก็ไม่เคยเห็นฮาร์วี่ย์ แสดงกิริยาที่ส่อไปในทางที่ตกเป็นข่าวแม้แต่น้อย ถึงอย่างนั้นพฤติกรรมแย่ๆ แบบนี้เป็นสิ่งที่ยังไงก็รับไม่ได้จริงๆ ค่ะ เช่นเดียวกับ นางเอกออสการ์ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ที่บอกว่า ฮาร์วี่ย์ ไม่เคยทำอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าถูกคุกคามทางเพศ แต่ก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อทางเพศทุกคน
ผิดกับนางเอกแถวหน้า เจสสิก้า เชสเทน ที่บอกเลยว่า เธอรับรู้ถึงพฤติกรรมของ ฮาร์วี่ย์ ดี เพราะต้นสังกัดของเธอ ออกปากเตือนมาตั้งแต่เข้าวงการแรกๆ เลยด้วยซ้ำ ทั้งยังประณามสื่อที่กดดันให้ผู้หญิงออกมาพูด แทนที่จะไปเค้นถามกับผู้ชาย ที่บางคนอาจจะมีพฤติกรรมเดียวกันด้วยซ้ำไป
ขณะที่ มาร์ค รัฟฟาโล่ ซึ่งรู้จักกับฮาร์วี่ย์ มาหลายปี ก็ไม่เข้าข้างกับการกระทำของ อดีตผู้บริหารคนดัง เพราะนี่คือสิ่งผิด และไม่ควรจะเกิดขึ้น สิ่งสำคัญ คือการให้กำลังใจผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อ และยิ่งไปกว่านั้น คือ เรื่องของฮาร์วี่ย์ น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนของวงการฮอลลีวูด ที่ผู้มีอำนาจไม่สมควรใช้อำนาจในทางที่ผิด