พูดถึงเพลงว่าด้วยความรักครั้งเก่า ชื่อแรกที่มาวินจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าแม่เพลง เจ้าแม่เพลงที่ว่าด้วยคนรักเก่า “เทเลอร์ สวิฟท์” มีเป็นกรุเลยก็ว่าได้ เพราะความรักที่มาเร็วเคลมเร็วจนแทบกลายเป็นธรรมเนียมไปของเธอ คือถ้าเลิกรากับหนุ่มคนไหน ก็ต้องมีเพลงเป็นที่ระลึกไล่ตั้งแต่ เพลง Forever and Always ที่ความรักที่ไปไม่รอดกับหนุ่ม “โจ โจนาส” เพลง “Back To December” ที่สาวเทขอมอบให้มนุษย์หมาป่าหนุ่มหุ่นแซ่บจากหนัง Twilight “เทเลอร์ เลาท์เนอร์”และ เพลง We Are Never Ever Getting Back Together ที่นักร้องสาวปากแดงพูดถึงความรักที่ไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมกับนักแสดงหนุ่ม “เจค จิลเลนฮาล” รวมไปถึงเพลง Dear John เมื่อปี 2010 ที่ขาเผือกแทบไม่ต้องเดาเลยว่าจะสื่อถึงใคร เพราะแค่ชื่อเพลงก็รู้แล้วหมายถึง นักร้องหนุ่ม “จอห์น เมเยอร์” และเพราะสื่อถึงความเจ็บปวดใจของฝ่ายหญิง ก็เลยทำให้หนุ่มจอห์นที่ถูกพาดพิงถึงไม่สบอารมณ์สักเท่าไร ถึงขั้นให้สัมภาษณ์กับสื่อ Rolling Stone เมื่อปี 2012 ว่า เพลงของเทเลอร์นั้นทำให้เขารู้สึกแย่และขายหน้าสุดๆ
“จอห์น เมเยอร์” เองก็ใช่ย่อย เพราะอีก 3 ปีต่อมา (2013) ก็ปล่อยเพลง Paper Doll ที่ทั้งสื่อและชาวเน็ตก็พากันปะติดปะต่อ ว่า เพลงนี้หมายถึงนักร้องสาวปากแดงรึเปล่า เพราะเนื้อหาที่พูดถึงการแต่งตัวเช่น ชุดผ้าชีฟองสีดำ เดรสสีทองและฟ้า ชุดสีเขียวมินต์ และ ผ้าพันคอสีแดง ก็ดูช่างประจวบเหมาะกับชุดที่สาวเทเคยใส่พอดิบพอดี แต่ที่ไม่ต้องเสียเวลาเดาก็คือเพลงจังหวะสบายๆ แต่เจือความเศร้าและเหงา Still Feel Like Your Man ที่เจ้าตัวเค้ายืดอกแมนๆ ยอมรับเลยว่า เพลงนี้แต่งให้กับคนรักเก่าอย่างนักร้องสีลูกกวาด “เคที่ เพอร์รี่” ที่ปิดฉากความรักไปเมื่อปี 2015 หลังจากรักๆ เลิกๆ กันมาพักใหญ่
ขณะที่สาว เคที่ เพอร์รี่ ก็กลั่นกรองความรู้สึกหลังชีวิตคู่ปีกว่าๆ กับสามี “รัสเซล แบรนด์” พังไม่เป็นท่า ออกมาเป็นเพลง Wide Awake เมื่อปี 2012 ที่พูดถึงการที่คนคนหนึ่งตาสว่างและตื่นขึ้นมาจากความฝัน ถึงอย่างนั้นอดีตสามีก็เขาใจดีว่า เพลงนี้ก็เป็นวิธีการเยียวยาจิตใจของนักร้องสาว แถมยังชมด้วยว่า เพลงนี้เพราะอีกด้วย
ไม่ต่างกับนักร้องขวัญใจวัยทีนทั่วโลก “เซเลน่า โกเมซ” ที่ถ่ายทอดประสบการณ์ช้ำรักซึ่งหลายคนคิดว่า สื่อถึงนักร้องหนุ่ม “จัสติน บีเบอร์” ออกมาเป็นเพลง Kill ‘Em With Kindness ซึ่งบางท่อนของเพลงนี้ของจี้ใจดำสุดๆ และปนด้วยความโกรธ โดยเฉพาะท่อนที่บอกว่า คำโกหกของเธอคือกระสุน และปากของเธอคือปืน ไล่เลี่ยกับที่ป๊อปสตาร์หนุ่ม จะส่งเพลงแก้อย่าง Sorry ที่ชวนให้อดมโนไม่ได้ว่า นี่คือ ตัวแทนคำขอโทษอดีตแฟนสาว เพราะเนื้อเพลงพูดว่าทำนองว่า “มันสายเกินไปรึยัง ที่ฉันจะขอโทษตอนนี้? ฉันรู้ว่าฉันทำให้เธอผิดหวัง”
ปิดท้ายด้วย “จัสติน ทิมเบอร์เลก” กับเพลงบัลลาดสุดฮิต Cry Me A River เมื่อปี 2002 ซึ่งหลายคนอื้ออึงกันให้แซ่ดว่า เพลงสุดเศร้าเข้าทำนองร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายน้ำนี้ เขาแต่งให้กับนักร้องสาว “บริทนีย์ สเปียร์” แถมสาวที่เล่นเอ็มวี ก็ยังเป็นสาวผมบลอนด์อีกด้วย ก่อนที่ปีต่อมา บริทนีย์จะส่งเพลงแนวบัลลาดอย่าง Everytime ที่เต็มไปด้วยอารมรณ์และความรู้สึกที่อยากขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น และอยากกลับมาอยู่เหมือนเดิม ถึงอย่างนั้นนักร้องสาวก็ไม่ได้ฟันธงว่าเพลงนี้คือเพลงแก้ หรือคำตอบของความรักที่ไม่สมหวังหรือเปล่า