ดิว ร่ำไห้ขอโทษ ผิดคนเดียว ใช้เงินเกินตัว-พร้อมหากถูกดำเนิคดี เมย์ เจ้าของทรัพย์สิน 62 ล้าน ย้ำแค่อยากได้ของคืน!

จากกรณี เมย์ วาสนา นักธุรกิจสาวออกมาประกาศตามหาทรัพย์สิน 62 ล้านที่ถูกดาราสาวยืมของไปแต่ไม่คืน จนหลายเพจออกมาปล่อยข้อมูลรัว ๆ กระทั่งล่าสุดวันนี้(19 มี.ค.2568) เมย์ มาเปิดใจในรายการโหนกระแส พร้อมเล่าจุดเริ่มต้นทำให้รู้จัก ดิว อริสรา และปมที่ปล่อยของมูลค่า 62 ล้านไปให้ดิวยืม เพราะหวังช่วยเหลือน้องแต่ดันโดนหลอก เพราะดาราสาวเอาไปจำนำตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งที่บอกแต่แรกว่าห้ามจำนำและขายเด็ดขาด!


โดย เมย์ เล่าว่า ตนรู้จักกับดิว จากการที่น้องอยากผลิตสินค้า เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา รู้จักในฐานะลูกค้า เขาอยากสั่งผลิตสินค้าที่โรงงาน ก็วางมัดจำ 22 ล้าน โดยโอนมา 2 ครั้ง 10 ล้านกับ 11 ล้านกว่า ๆ แต่ภายหลังเพิ่งมาทราบว่า พาทเนอร์ลงทุน 100% ดิวไมได้ลงทุน

ส่วนจุดเริ่มต้นของการยืมของคือเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2567 เกิดจากการโทรไลน์ ดิวโทรมาเพื่อบอกว่า เขาเดือดร้อนจากการเป็นหนี้ ซุง ศตาวิน จำนวน 20 ล้านบาท แล้วบอกว่าถ้าไม่ได้เงินคืนน้อง เดือดร้อนจะโดนแฉ เพราะซุงไม่ยอมเลย เราเลยถามว่า ทำไมไม่เอาจากสามี ดิวเขาเลยจะขอเอาเงินมัดจำที่ลงของคืนก่อนได้ไหม ขอยืมแค่ 20 วัน แต่ในทางปฏิบัติมันไม่ได้ เพราะบริษัทดิวยังติดหนี้บริษัทเมย์อยู่อีกครึ่งหนึ่ง เอาสินค้าไป แต่เงินยังจ่ายไม่ครบ จากนั้นดิวเริ่มยืมเงิน เขาถามว่าพี่เมย์มีอย่างอื่นมั้ย เมย์เลยถามว่า แล้วกระเป๋า รถยนต์ ทำไมไม่เอาจากสามี ดิวบอกว่า เรื่องนี้เซบรู้ไม่ได้ เดี๋ยวมีปัญหากับสามี และเขาท้องอยู่ เขาเครียดมาก เขาเป็นโควิด เขากลัวจะแท้ง เลยคิดว่า นั้นเราให้ของ หวังที่จะไปช่วยแก้ปัญหาได้


ถามว่าทำไมถึงไว้ใจดิว ? เขาคือดิว อริสรา มีเพ้นเฮาส์เป็นพัน ๆ ล้าน การใช้ชีวิต เขาบอกว่าช็อตเงิน 20 วัน เดี๋ยวเขาก็ให้คืน ถ้าแย่ ๆ เดี๋ยวสามีเขาก็หามาคืนให้สิ บอกตรง ๆ ดิว อริสรา ที่ทุกคนรู้จักเขามานานมาก มันไม่มีความรู้สึกว่าจะไม่ได้คืน จากใจเลย ซึ่งต้นทุนทางสังคมเขาสูงมาก เปิดใจไอจีแล้วเห็นเขาใช้ชีวิตแบบนี้ สมการที่เขาจะไม่คืน เราไม่ได้คิด และมั่นใจว่าเขาไม่กล้าเสี่ยงชื่อเสียง แล้วเมย์คิดว่าคนเราจะช่วยก็ต้องช่วยให้พ้น คนที่เขาลำบากคือ เขาเสียชื่อเสียง ถ้าช่วยก็ช่วยให้พ้น เลยเพิ่มของให้เขาในระยะเวลา 2 วัน ซึ่งสิ่งของที่ให้ไปทั้งหมด รวมมูลค่า 60 กว่าล้าน ตัดสินใจให้ยืมตั้งแต่ช่วง ส.ค. 67 เรายืนยันอีกครั้ง ยืมไปเพื่อให้น้องไปแก้ปัญหา และเอาไปประกันในบุคคลที่ 3 และมีข้อกำหนดว่าห้ามจำนำ และขายตั้งแต่แรก เพราะสร้อยเด่นมาก ถ้าหลุดไปรู้เลยว่าเป็นของเมย์ ย้ำว่าห้ามขายหรือจำนำเด็ดขาด เมย์ไม่เฉลียวใจเลย คำพูดบอกช่วยคือช่วย เรายึดถือสิ่งนี้มาตลอดชีวิต ด้วยความจริงใจ ของการทำธุรกิจหรือคบใครสักคน เป็นเพื่อนจริง ๆ จะรู้ว่าเราเป็นแบบนี้

ดิวถึงขั้นบอกว่า กราบอก ขอบคุณแม่มาก ๆ จะไม่ลืมบุญคุณทุกอย่าง จะใช้ชีวิตดูแลแม่ไปตลอด เราตอบไปสั้น ๆ ว่า แกเป็นน้อง แต่เราก็เริ่มตามของ เพราะว่าจะใช้ของ เขาบอกว่าเงินไม่ได้ตามกำหนดสิ้นเดือน เราก็ตามมาเรื่อย ๆ คิดได้ก็ตาม จะเอาไปใช้ออกงาน นึกได้ก็ตาม จนถึง ม.ค. 68 มาเอ๊ะใจ ข่าวน้องเลขา ที่มีการโกงเงินกันเกิดขึ้น ว่าน้องมีปัญหาการเงินรุนแรงและไปติดคนอื่นด้วยหรือ เราเลยเตรียมข้อมูลทุกอย่างไปแจ้งความ ตั้งใจว่าจะลงบันทึกประจำวันไว้ แต่ก็ถามน้องตรง ๆ ว่าของพี่จะได้คืนไหม? จนวันที่ 24 ม.ค. เขามาสารภาพว่า เขาเอาของไปจำนำ เขามาบอกว่าจำนำไว้กี่แห่งบ้าง แต่ไม่บอกที่ไหน และมีไปไว้กับผู้ใหญ่ บอกให้เราไปจ่ายเงิน และเอาของออกมาก่อนได้มั้ย แล้วเขาจะมาเคลียร์เงินกับเราเอง ซึ่งตอนนี้ สร้อย Lotus Arts De Vivre มูลค่า 26,440,000 บาท ที่มีเส้นเดียวในโลก ไปอยู่กับนักการเมืองท่านหนึ่ง ระดับ รมต.

ที่ผ่านมาเมย์ไม่เคยระแคะระคาย ผ่านมา 4-5 เดือนเขาถึงสารภาพว่าเอาของไปจำนำ เมย์เสนอช่วยข้อที่ 1 ให้ยืดระยะเวลาให้มีทางเดิน เราไม่เคยมีเจตนาให้เขาเสียชื่อเสียง ทำมาหากินไม่ได้ นี้เรามีเจตนาช่วย ยืดเวลาให้แก้ปัญหาอีก 1 เดือน กำหนดมาเลยว่าได้ของชัวร์ ๆ เมื่อไหร่ จนล่าสุด 28 ก.พ. ดิวบอกกับเราว่า พี่เมย์ นาฬิกา กระเป๋า จะออกมาก่อนนะ สุดท้าย 28 ก.พ. เราก็ไม่ได้ของ เขาก็บอกว่า ให้เราไปรวบเอาของคืนมา แล้วเขาขอติดหนี้กับเราแทนได้ไหม วันนั้นเรามีการเรียกมาคุยกัน หลังเป็นข่าว เพื่อให้ได้ของคืน มีการเจรจา บันทึกข้อเจรจาทั้งหมดไว้ การที่เขายื่นข้อเสนอมา ทนายบอกว่ามันไม่ได้ คือถ้าเราไม่ได้คืนจริง ๆ เราก็จะสู้ให้ได้ของ เขาก็เลือกให้เราไกล่เกลี่ย อ้างว่าต้องจ่ายดอก ของจะหลุด เขาพยายามบี้เราให้เราไปจ่ายดอก ทุกคนไม่เห็นด้วยกับเรา จนเรามาพบจุดไคล์แมกซ์


“วันที่ 14 มี.ค. เราเห็นแชตที่เขาเแชตกับคนนึง เมื่อวันที่ 8 มี.ค. น้องคนนึงกับดิว ว่าเอาสร้อยบลูการีไปวางไว้กับคนนี้ มูลค่า 20 ล้าน บอกว่าเป็นของผู้ใหญ่ที่เคารพ พี่เขาลำบากมาก ไม่มีเงินจ่ายซัพพลายเออร์ น้องเอาไปใส่เล่น ๆ สวย ๆ นะ เรานั่งร้องไห้เลย รู้สึกว่าตัวเองโง่ รักและไว้ใจแต่มันรู้สึกว่า ทำได้ยังไง กับคนที่ช่วยดิว ดิวทำตั้งแต่วันแรก คนเป็นมนุษย์แม่เหมือนกันมันไม่ได้ดิ หลังจากนั้น เราก็มาเจอ ใบแจ้งความ เป็นข้อมูลของบุคคลที่สอง คือเราให้ทรัพย์น้องไปด้วยมิตรภาพ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือคำโกหก หลองลวง เสียศักดิ์”

ร้านนี้เป็นคนรับนาฬิกา รู้จักกับเมย์ และ ดิว เมย์รู้ว่าของอยู่กับน้องคนนี้ตั้งแต่ ม.ค. แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะก้าวไปถามเขาส่วนตัว ให้ดิวแก้ปัญหา เขารับปากว่าจะคืน 28 ก.พ. อยู่แล้ว จนวันที่ 14 มี.ค. ที่รู้ความจริงว่าโดนหลอก เลยทักไปดีเอ็มหาน้องเจ้าของร้านคนนี้ เพราะน้องคนนี้รอการติดต่อจากเรามาโดยตลอด ถูกอ้างและกล่าวหาว่า เราลำบาก ไม่มีเงิน มีปัญหาทางธุรกิจ เรือนนี้เขารู้ว่าเป็นของพี่เมย์ เขารับด้วยความบริสุททธิ์ใจ ว่าเขาไม่ได้รับของโจรนะ เขารับเพราะช่วยเมย์ กลัวว่าลำบากและจะคิดว่ามาซ้ำเติมเลยไม่กล้ามาถามเมย์

ซึ่งเมย์ได้รับข้อมูล 14 มี.ค. แต่ร้านเขาไปลงบันทึกประจำวันไว้ 20 ม.ค. 68 ว่าช่วงเที่ยง ดิวใช้ไลน์ทักมา แล้วโทรมาว่า เมย์มาขอความช่วยเหลือ กู้เงิน 5 ล้าน 5 แสนบาท โดยการฝากนาฬิกาไว้เป็นหลักประกัน ประมาณ 3 ล้านบาท กระเป๋าอีก 2 ใบ 2 ล้านกว่า ยืม 2 เดือน แต่ผ่านไปแล้ว 5 เดือนยังไมได้คืน และของที่บอกจะมอบให้ก็ไม่ได้มอบให้ อ้างว่าเมย์ขอยืดเวลาไปอีก ถ้ามีเงินแล้วจะรีบมาคืน

เมย์เสียใจที่เขารับของเมย์วันที่ 7 ส.ค. 67 แต่ไม่ได้เอาของไปวางเป็นหลักประกัน กลายเป็นว่าเขาเอาไปปุ๊บ เขาเอาไปจำนำเพื่อเอาเงินออกมาทันที เมย์คุยกับดิวมาตลอด จนหยุดคุยเมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้ จนมารู้ตัวมา นี้ฉันโดนหลอกเหรอตั้งแต่แรก เลยรู้สึกไม่คุยดีกว่า จริง ๆ ทนายบอกขอแจ้งความไว้ก่อนได้ไหม เราบอกไม่อยากมีเรื่อง เพราะเขาบอกว่า 28 ก.พ. จะคืน จนคนในวงการห้าง เขามีข้อกังขาเรื่องนี้ว่าเราไม่มีเงิน ลำบาก ดิวไปคุยแบบนี้ ยังโทรมาขอโทษนะว่าขอโทษที่ไม่กล้าถามตั้งแต่แรก วัตถุประสงค์คือช่วยเหลือคนไม่ใช่เอาไปจำนำ เมย์มีหลักฐานทุกอย่าง ทั้งบันทึกเสียง กล้อง มีคลิปทุกอย่าง คือตั้งแต่มีข่าว เราได้หลักฐานมาเยอะมาก ขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือ แต่ ณ เวลานี้เรายังไม่ทราบว่าของชิ้นสำคัญอยู่ที่ไหน ที่มายอมนั่งคืออยากได้ของคืน เชื่อว่าพี่หนุ่มทำได้

เมย์ พยายามติดต่อ ซุง แต่พอดีเขาตอบกลับมาว่า โนคอมเมนต์ เลยแจ้งเรื่องนี้ว่ามันมีชื่อน้องตั้งแต่แรก มีชื่อ ซุง เลยฝากน้องไปคุย เลยแจ้งไปตามข้อเท็จจริง เราไม่ได้อยากเอาใครมาเกี่ยวข้องเท่าไหร่

เมย์เล่าอีกว่า ทรัพย์สินเหล่านี้ได้ถูกไปเร่จำนวนมากกว่า 10-20 ล้าน ตั้งแต่ช่วงปลายปี จากราคาที่ซื้อมารวมทั้งหมด 62 ล้าน ดิวเอาไปวางทั้งหมด 21 ล้าน (นาฬิกา 3 ล้าน กระเป๋า 2 ใบ 3 ล้าน สร้อย 8 ล้าน สร้อยอีกเส้น 7-8 ล้าน) และในระหว่าง 1 เดือนที่ผ่านมา สิ่งที่ดิวพิมพ์ในแชต ดิวพยายามทำให้ตัวเองถูก โน้มน้าวในสิ่งที่เขาอยากให้เมย์เป็นแบบนั้น เราคุยทีไรเราก็เห็นใจเขาทุกที

ขณะที่ หนุ่ม กรรชัย ต่อสายหา ดิว อริสรา กลางรายการ ซึ่งเจ้าตัวรับสายและบอกว่า “ดูรายการอยู่ตลอด ดิวต้องขอโทษพี่เมย์ที่ต้องให้มานั่งออกรายการ จากที่คุยกันรู้ว่าเป็นสิ่งเดียวที่พี่เมย์ไม่อยากทำ ขอบคุณพี่หนุ่มให้มาชี้แจง ทั้งหมดที่พี่เมย์พูดไม่ตอบโต้ ยอมรับว่าเรื่องเกิดจากดิวเอง ยอมรับผิดทุกอย่าง ไม่มีเจตนาหลอกลวงอะไรเลย พี่เมย์เป็นคนเดียวที่ช่วยเมย์ในเวลานั้น รายละเอียดที่พี่เมย์พูด เป็นเรื่องจริงที่ดิวไปขอความช่วยเหลือ

ตอนแรกที่ขอไป หุ้นส่วนดิวเขาเป็นคนช่วยออกความคิดเห็นให้ไปคุยแบบนั้น ไปขอแบบนั้น ไม่ใช่หุ้นส่วนไม่รู้ เขาบอกให้ลองไปคุยแบบนั้น เราก็รู้ว่าหลังจากคุยแบบนั้น พี่เมย์พยายามช่วยจริง ๆ ว่าเป็นไปได้ไหม รู้ว่าพี่ช่วยน้องจริง ๆ สุดท้ายมันก็จริงแหละค่ะ ที่ไม่อาจเป็นตามนั้นของถูกวางไว้บางที่ก่อนตามนั้น สุดท้ายตัวซุงต้องการเป็นเงินจริง ๆ เวลา ณ ตอนนั้น ที่ไม่ได้บอกพี่เมย์ เพราะคิดว่ามันเป็นวัตถุประสงค์จริง ๆ ให้น้องไปช่วยแก้ปัญหาจริง ๆ เราเลยต้องทำแบบนั้น เราไม่รู้ว่ามันต้องพูดอะไรไปมากกว่า ขอโทษที่เอาไปทำแบบนั้น

ของยังอยู่ครบ เราไม่เคยมีเจตนาที่จะไม่บอก ไม่มีความจำเป็นแบบนั้น เพราะเรากับพี่เมย์พยายามช่วยหาทางออก ก่อนหน้านี้ที่ดิวไม่ออกมาพูดอะไรเลยเพราะคุยกับพี่เมย์ตลอด ตรงนั้นเรายังขอบคุณเขาในใจตลอดนะ ทางพี่ทนายว่าเราไม่ได้บอก เราไม่มีความจำเป็นต้องปิด ตอนนั้นในที่คุย เราพูดจากใจเลย บางทีคนมองว่าเราเลวร้ายหรืออะไร เราไม่ได้พยายามทำให้ตัวเองถูก การที่เอาไปทำผิดวัตถุประสงค์ ในมุมที่พี่พูดแบบนั้น ในมุมดิวไม่ได้คิดแบบนั้น เราไม่ได้ผิดวัตถุประสงค์นะ เราพยายามแก้ไขจริง ๆ

เมย์ พูดต่อ เคยคุยกับดิวว่า ดิวมั่นใจว่าจะเอาของมาคืนแน่ ๆ พี่เชื่อว่าดิวไม่สามารถหาคนแบบพี่ได้แน่ ๆ แต่ที่เราเสียใจและร้องไห้ แกทำได้ไง ว่าเอาของไปแล้วไม่เห็นค่าหัวใจเราเลย ดิสเคดิตพี่ว่าพี่ไม่ไมีเงิน ออกมาอยู่คนเดียว ดิสเคดิตทุกอย่าง มันทำได้ยังไง อันนี้คือฟางเส้นสุดท้าย ทุกอย่างที่พี่ช่วยดิว ฟังดิวมาตลอด พี่โดนหลอกใช่มั้ย เราก็เลือกเชื่อดิวตลอด ของก็อยากได้ แต่อยากได้มากกว่าคือ ศักดิ์ศรี

ดิว ตอบกลับ คนเดียวที่พูดว่าเป็นของ ๆ พี่เมย์คือ ร้านนาฬิกา พี่เมย์คนบอกกับดิวแล้ว เรายังบอกให้เอาแชตมาดู ไม่รู้ว่าแชตอะไร กับใครดิวยังนึกไม่ออกเลย เรื่องสร้อยอันนั้น ไม่เคยส่งอะไรไปให้ใครที่เป็นผู้หญิงเลย เคยไปกับรุ่นพี่ของดิว เขาบอกว่าไม่มีนะ สร้อยไม่เคยหลุดไปที่ใครเลยนะ พี่เมย์ พี่ไม่ต้องเชื่อดิวก็ได้ มีสิบแชต ตัวดิวรู้ตัวว่าคุยกับใครบ้าง แต่ดิวมี 10 คนที่กล้าไปคุยกับเขาขนาดนั้นเลยเหรอ

สรุปไม่ว่าเรื่องนี้จะยังไง ดิวก็ต้องยอมรับกับมันอยู่แล้ว พยายามแก้ไข ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ทุก ๆ ครั้งที่บอกว่าซื้อเวลา ไม่เคยซื้อเวลาเลย ทุกครั้งที่บอกว่า เดี๋ยวจะได้แล้วนะ มีคนจะช่วยแล้วนะ เรามีความหวังทุกครั้ง สุดท้ายไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยกลายเป็นดิวแถไปวัน ๆ ยื้อไปวัน ๆ เราพยายามแก้ไขปัญหา พยายามทำให้ดีที่สุด ไม่มีเจตนาใด ๆ ที่จะทำแบบนั้น

ส่วนกับซุงเคลียร์จบไปแล้ว ในส่วนที่เขาพูดว่า ติดที่ค้างอยู่ คือส่วนดอกเบี้ย ดิวยืมเงินซุงเป็นเงิน 12.5 ล้าน ของรุ่นพี่อีก 7 ล้านกว่าบาท รวม 20 กว่าล้าน ของตัวซุงคือมีสลิปโอนเงินคืนทั้งหมด ที่เขามาตามคือดอกเบี้ย เราเคยบอกขอยืน 7 วันก่อน พอครบ 7 วันทำไม่ได้ เลยให้รุ่นพี่ไปคุยเป็น 1 เดือน แต่มีดอก 10% คือชีวิตคนเรามันต้องมีครั้งนึง มีปัญหา ไม่มีทางออกเรื่องเงิน

ดิวเอาเงินไปทำอะไร? “เราลงทุนทำธุรกิจหลายอย่าง บางอันไม่มีเงินหนุน ธุรกิจทั้งหมดที่ทำไม่มีอะไรประสบความสำเร็จเลย ตัวเราเองก็เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้สังคม ใช้เงินเกินตัวหรือเปล่า ไม่ประมาณตัวเอง จนทำให้เกิดปัญหาแบบนี้ มันถึงจุดที่ต้องยอมรับแล้วว่าเป็นแบบนั้นนะ ไม่ประมาณตัวเอง สิ่งต่าง ๆ ที่พยายามทำมันไม่ประสบความสำเร็จ มันไม่ได้ตังค์ เลยทำให้เกิดปัญหาแบบนี้ ไม่ว่าจะน้องซุง พี่คนนั้นหรือใคร ทุกคนช่วยกันจริง ๆ

สำหรับเงินที่เป็นหนี้ทั้งหมด? มีกับพี่เมย์และกับรุ่นพี่อีกคนล้านกว่าบาท แต่อื่น ๆ ที่มีข่าวก่อนหน้านี้ มันเป็นการลงทุนร่วมกัน ดิวมีหลักฐานเหมือนกัน ส่วนเรื่องทั้งหมดไม่ได้ปรึกษาสามี เพราะเขาไม่ได้มานั่งรับรู้เรื่องนี้ด้วย เราก็มีแค่ตัวเรา เราเป็นคนก่อปัญหานี้ขึ้น ก็ต้องจัดการเอง สามีไม่ได้รับรู้ พอเขารับรู้แล้ว เขาก็มีระบบครอบครัวเขาที่เป็นระบบของครอบครัว เราก็ต้องดิ้นรนต่อไป สิ่งที่ขอจากสามี เราขอให้รักและดูแลลูกอย่างดี ดิวจะไปขอให้ใครรักดิวหรือดูแลดิวอย่างดีได้ยังไง มันเป็นอย่างนี้ต้องยอมรับอย่างนี้ เขาก็ทำได้ดีที่สุดได้แบบนั้นสิ่งที่คาดหวังจากเขา คือรักลูกเราให้มาก ๆ ดูแลลูกเราอย่างดี

หลังจากนาทีนี้จะเอายังไง? พยายามแก้ไขอยู่ พี่ ๆ หลายคนช่วยกันอยู่ ว่าจะทำยังไงได้บ้าง ตอนแรกที่คุยกับพี่เมย์ ให้ดิวยอมรับสภาพหนี้กับพี่ ไม่ได้มีเหตุผลเปลี่ยนอาญาเป็นแพ่ง เราแค่กลัวของเขาหลุดไป ส่วนตัวดิว ถ้ายอมรับสภาพหนี้กับพี่เมย์ เราสาบานไม่โกงพี่ สาบานด้วยครอบครัว แม่หนู ลูกหนู เจตจำนงค์ไม่มีความคิดว่าจะโกง

สมมติเมย์ดำเนินคดีกับดิว ในฐานะฉ้อโกง เพื่อที่คนที่รับของไป เป็นรับซื้อของโจร ของจะกลับมาอยู่กับ เมย์ 100 % ดิวเองต้องไปรับสภาพหนี้กับร้านเอง ? ดิวโอเค ถ้าร้านโอเค สุดท้ายจะตัดสินมายังไง พี่ต้องทำเต็มที่ หนูต้องทำเต็มที่

เมย์ เสริมว่า “ถ้าถึงจุดที่คุยกันตามที่ดิวคุย เรียกทุกคนมา ไม่ต้องดำเนินคดีก็ได้ ถ้า 4 ท่านยอมรับสภาพหนี้ทุกอย่าง เพราะไม่มีใครอยากจะควักเงินตัวเองออกมา แต่เราคิดว่าสิ่งที่เราทำ ณ วันนี้ มันดีที่สุดแล้ว แล้วการที่พี่ต้องควักเงินเอาออกมาเอง เราทำไมได้จริง ๆ

  1. เอาของมาคืน แล้วเอาดิว เมย์ มานั่งคุย รับสภาพหนี้กับดิว ส่วนของคืนเมย์ไป ไม่ต้องมีคดี แยกย้ายกันไป
    2.รับของโจร แจ้งความ ดำเนินคดีดิว อาญา ฉ้อโกง ที่รับซื้อของไป รับซื้อของโจร เลือกเอา

ทนายถามดิว ถ้าไม่มีเจตนาโกง ของทั้ง 5 ชิ้นอยู่ไหนบ้าง? ขอพูดหลังไมค์ ตั้งใจส่งคอนแทกให้ทนายอยู่แล้ว ยอมรับของชิ้นนึงอยู่กับ รมต. คือผ่านผู้ใหญ่คนนึงไป แล้วเขาเอาไปฝาก รมต. สามารถประสานไปที่ผู้ใหญ่คนนั้นได้ เขาน่าจะพร้อมจัดการใด ๆ ส่วนตัวดิวตอนนี้อยู่ไต้หวัน จัดการเรื่องทางลูกเสร็จก็จะกลับไทย แต่เดี๋ยวทนายดิวจะเข้าไปที่กองปราบก่อน เพื่อแสดงความบริสุทใจ ขอดิวจัดการทางนี้ก่อน ถึงไทยแล้วจะเข้าไปชี้แจงที่กองปราบทันที

สุดท้ายฝากถึงพี่เมย์ “ที่พี่เมย์ช่วยดิวทุกอย่าง ดิวขอบคุณมาก ๆ เรายอมรับผิด เป็นคนผิดคนเดียว ต้องขอโทษพี่เมย์จริง ๆ จะรับผิดชอบ จัดการให้พี่เมย์ได้ดีที่สุด สุดท้ายอย่างที่บอก พอมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ จากพรีเซนเตอร์ที่จะได้เงินก็เบรกเราไปก่อน เราไม่มีทางจะทำอะไรได้ดีเลย มันเสียไปแล้ว เราพยายามดิ้นรนอยู่ แต่มันไม่มี ดังนั้นเราไม่รู้ว่ามันจะจบยังไง ออกยังไง แต่จะพยายามทำทุกอย่างจริง ๆ ขอโทษ ขอบคุณและรักพี่เหมือนเดิม

กับสังคม คนที่รักดิว ดิวขอโทษที่อาจจะทำอะไรโดยที่ไม่คิดถี่ถ้วนจนเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนคนซ้ำเติม สิ่งที่อยากขอคือ อย่าไปพาดพิงถึงครอบครัวหนู ลูกหนู หรือสามีที่โดนข้อมูลอะไรกับเขา ไม่เกี่ยวกับเขา อย่าไปอะไรกับลูกดิว เขาไม่เกี่ยวอะไรด้วย จนตอนนี้เขาต้องอยู่ต่างประเทศ ถ้าจะทำหรือพูดอะไร มาที่ดิว ดิวไม่ได้ปิดคอมเมนต์ ใส่ดิวได้เลย สุดท้ายไม่ว่าจะยัง ดิวต่อสู้ในมุมดิวให้ดีที่สุด ดิวไม่เคยอยากสู้กับพี่เมย์เพราะพี่เมย์ช่วยดิว สังคมดูดิวเป็นแบบอย่าง เราอาจทำอะไรเกินความสามารถ ไม่ประมาณตัวเองแต่อยากให้ทุกคนเห็นใจ ชีวิตไม่ได้สวยหรู ขึ้นไปได้แล้วก็ลงมาได้ เราก็ลงมาสุดแล้ว ดังนั้นขอความเห็นใจ ขอให้ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนให้โอกาสด้วย สุดท้าย พร้อมเจรจากับคนที่รับของไป เราไม่รู้ว่าสเต็ปเป็นยังไง เราต้องปรึกษาทนายเราว่าทำแบบไหนได้บ้าง อย่าคาดหวังว่าการที่เราไปคุยให้ ร้านจะตอบ เยส ซึ่งเราไม่รู้เขาเหมือนกัน ทั้งนี้ดิวไม่อยากให้ร้านมีปัญหา ดิวไม่อยากให้พี่เมย์เดือดร้อน ทั้งหมด ดิวต้องไปหาเงินเอาของมาคืนพี่เมย์ ก็เลยเป็นไปได้ที่อาจจะมีผู้ใหญ่คนนึงเอาเงินไปช่วยทั้งหมดเพื่อเอาของออกมาก่อน

ด้าน เมย์ เผย “แค่อยากได้ของคืนจริง ๆ ใครที่ครอบครองอยู่ เมย์แค่อยากได้ของคืน บางชิ้นหาไม่ได้แล้ว อยากฝากจริง ๆ คือ บทเรียนครั้งนี้ราคาแพง มีความสัมพันธ์ที่ดี ถ้าเมย์ไม่ช่วยไปก่อน เรื่องไม่บานปลาย ภาพลักษณ์ทางสังคมไม่ได้การันตีถึงความซื่อสัตย์ เรื่องนี้ก็เป็นเกาะให้แข็งแกร่งขึ้น ส่วนทนายมีการไปแจ้งดำเนินคดีไว้แล้วที่ กองปราบ 1 คดี และที่ สน.ทองหล่อ 1 คดี”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

ภาพ : โหนกระแส

เข้าชม 864 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม