
วันนี้ (10 มี.ค. 68) ที่มูลนิธิสมเด็จพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) เมตตาบารมี อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา นางสาวดวงเดือน จิไธสงค์ ประธานมูลนิธิฯ และภรรยาของ “สรพงศ์ ชาตรี” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง พร้อมด้วยลูกชายของ สรพงศ์ ชาตรี ประกอบด้วย นายพิศรุตม์ และนายพัทธกฤต เทียมเศวต ได้ร่วมกันจัดพิธีบำเพ็ญกุศล รำลึกครบรอบ 3 ปีกับการจากไปของ สรพงศ์ ชาตรี ซึ่งเป็นอดีตประธานกรรมการมูลนิธิฯ โดยมี พระพรหมเสนาบดี ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคาราชวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ท่ามกลางผู้ที่เคารพรักนับถือ และดารานักแสดง อาทิ หม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา ภริยาของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังของประเทศไทย ผู้ปลุกปั้นพระเอก สรพงศ์ ชาตรี , กรุง ศรีวิไล , นัยนา ชีวานันท์ , ปิยะมาศ โมนยะกุล และแฟนคลับ เดินทางมาร่วมในพิธีบำเพ็ญกุศลอย่างเนืองแน่น
ภรรยา สรพงศ์ ชาตรี หลังจัดพิธีรำลึกครบรอบ 3 ปี
นางสาวดวงเดือน จิไธสงค์ ภรรยา สรพงศ์ ชาตรี กล่าวว่า “มีกระแสการตอบรับจากแฟนคลับของพี่เอก สรพงษ์ ชาตรี ที่ได้ติดต่อสอบถาม ทั้งทางโทรศัพท์และโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับงานรำลึกถึงพี่เอก ซึ่งทางมูลนิธิฯ ได้จัดงานรำลึกเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้จัดงานครั้งที่ 3 ติดต่อกันแล้ว ในช่วงเช้าของงานรำลึกฯ จะมีการนิมนต์พระเถรานุเถระจากวัดต่าง ๆ ที่พี่เอกเคารพนับถือมาร่วมประกอบพิธีสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ และถวายทักษิณานุปทานเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่พี่เอก ซึ่งพระสงฆ์และศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพี่เอกมาโดยตลอด ส่วนในช่วงบ่ายจะมีการแจกทานแก่ผู้สูงอายุ รวมถึงการปฏิบัติธรรม ซึ่งเป็นกิจกรรมที่พี่เอกเคยทำเป็นประจำ นอกจากนี้ยังมีการมอบทุนการศึกษาให้แก่โรงเรียนปริยัติธรรม วัดดาวดึงษาราม กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นวัดที่พี่เอกใช้ชีวิตในช่วงวัยเยาว์เมื่อครั้งแรกที่เข้ามาในกรุงเทพฯ ก่อนจะย้ายไปอยู่วังกับท่านมุ้ยในเวลาต่อมา”
นางสาวดวงเดือน ยังเล่าถึงความประทับใจจากคำบอกเล่าของแฟนคลับท่านหนึ่งในช่วงที่พี่เอกยังมีชีวิตอยู่ แฟนคลับท่านนี้ได้พูดคุยกับพี่เอกและถามถึงจำนวนภาพยนตร์ที่พี่เอกเคยแสดง ซึ่งพี่เอกคาดว่าน่าจะประมาณ 500 เรื่อง แต่เมื่อแฟนคลับท่านนี้รวบรวมข้อมูลและไล่เลียงให้ดู ปรากฏว่าพี่เอกแสดงภาพยนตร์มากถึงกว่า 600 เรื่อง โดยข้อมูลดังกล่าวได้ถูกส่งมอบให้กับทางมูลนิธิฯ เมื่อปีที่แล้ว ทำให้ดวงเดือนเกิดแนวคิดที่จะจัดตั้งพิพิธภัณฑ์สรพงศ์ ขึ้นที่วัดหลวงปู่โตแห่งนี้ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว นอกจากนี้ยังตั้งใจสานต่อเจตนารมณ์ของพี่เอกในการก่อสร้างมหาวิหารสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ให้แล้วเสร็จ ซึ่งเป็นโครงการที่พี่เอกใฝ่ฝันไว้ โดยปัจจุบันการก่อสร้างสำเร็จไปแล้วประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังคงต้องใช้เงินทุนจำนวนมากมาดำเนินการให้เสร็จสมบูรณ์ ตนเชื่อในปาฏิหาริย์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์โตที่จะช่วยให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ในโอกาสนี้ขอฝากถึงแฟนคลับและพุทธศาสนิกชนทุกท่านได้มาเยี่ยมชมวิหารสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ณ วัดหลวงปู่โต พร้อมทั้งร่วมอุปถัมภ์และสนับสนุนการก่อสร้างมหาวิหารให้สำเร็จ เนื่องจากทางมูลนิธิฯ ไม่มีรายได้จากแหล่งอื่น และการดำเนินโครงการนี้ต้องพึ่งพาแรงศรัทธาและน้ำใจจากทุกท่านเท่านั้น เพื่อให้เจตนารมณ์อันดีงามของพี่เอก สรพงศ์ ชาตรี ได้สืบสานต่อไปอย่างยั่งยืน
ด้าน กรุง ศรีวิไล ดารานักแสดงรุ่นเดียวกันกับ สรพงศ์ ชาตรี กล่าวว่า “ตนคิดถึงตอนที่ลำบากด้วยกัน ตอนที่อยู่วัด โดยสรพงศ์ อยู่วัดดาวดึงษาราม ส่วนตนอยู่วัดระฆังโฆสิตาราม ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปสู้ชีวิต และเวลาต่อมาพี่เอกก็ไปอยู่กับท่านนุ้ย หลังจากนั้นก็เล่นหนังมาด้วยกัน น่าจะเกินกว่า 300 เรื่อง ตนกับพี่เอกสนิทกันมาก เพราะอยู่ในกองถ่ายภาพยนตร์ แทบจะกินนอนอยู่ที่กองถ่ายด้วยกันตลอดเวลา”
ปิยะมาศ โมนยะกุล นางเอกที่แสดงคู่กับ สรพงศ์ ชาตรี ในอดีต กล่าวว่า “พี่เอกมีบุญคุณกับตนมาก โดยได้ชวนตนมาแสดงหนังด้วยหลายเรื่อง แม้บางเรื่องเขาจะไม่ได้รับเชิญมา แต่ตนก็พร้อมที่จะไปช่วยแสดงให้ จะให้ทำอะไรก็ทำให้ทุกอย่าง แม้แต่การให้มารอตั้งแต่ตี 4 ก็มาโดยไม่ได้รับค่าตัวเลย ก็พร้อมที่จะมาด้วยความเต็มใจ ตนสังเกตเห็นพี่เอกช่วงที่แสดงภาพยนตร์ แม้จะเจอผู้กำกับให้เช็กหลายครั้ง แต่พี่เอกก็ยังมีรอยยิ้มให้เสมอ ไม่รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจแต่อย่างใด แสดงถึงสปิริตของนักแสดงมืออาชีพอย่างแท้จริง ตนจึงนับถือพี่เอกเหมือนพี่ชายที่ดีที่สุดคนหนึ่ง”
ส่วน นัยนา ชีวานันท์ ดารารุ่นใหญ่และเคยแสดงร่วมกับ สรพงศ์ ชาตรี หลายเรื่อง กล่าวว่า “ตนรู้สึกประทับใจ ในตัวพี่เอกเป็นอย่างมาก นับถือเหมือนอย่างพี่ชายคนหนึ่งเลยทีเดียว เพราะพี่เอกช่วยเหลือตนในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะช่วงที่เจอครั้งแรก พี่เอกก็ขับรถมารับตนถึงโรงหนังเลยทีเดียว ดังนั้นจึงรู้สึกประทับใจไม่รู้ลืมจนถึงปัจจุบันเลย”
ขณะที่ พิศรุตม์ เทียมเศวต ลูกชาย สรพงศ์ ชาตรี กล่าวว่า “หลัก ๆ ตนจะคิดถึงสิ่งที่คุณพ่อเคยสอนเอาไว้ เพราะตนก็ทำงาน จะเจอเรื่องต่าง ๆ ในการทำงาน ซึ่งคุณพ่อก็มักจะสอนว่า ‘พ่อก็ลำบากมาเหมือนกับพี่ ๆ น้า ๆ นักแสดงหลายท่าน แต่มาถึงรุ่นของตน ได้อยู่สบายกันแล้ว ก็ขอให้สู้กับปัญหา เติบโตแข็งแรงสู้กับมันไป’ ซึ่งตนจะนึกถึงคำพูดเหล่านี้ของคุณพ่อเสมอ ส่วนเรื่องจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ สรพงศ์ ชาตรี ขึ้นที่วัดหลวงปู่โตแห่งนี้นั้น ขอให้สอบถามไปที่พี่เดือน (ดวงเดือน จิไธสงค์ ประธานมูลนิธิฯ) ได้เลย”
สำหรับพิธีบำเพ็ญกุศลฯ เริ่มด้วยพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป สวดพระพุทธมนต์ ถวายภัตตาหารเพล พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป รับทักษิณานุปทาน จากนั้นนางสาวดวงเดือน จิไธสงค์ ประธานมูลนิธิฯ และลูกชายของ สรพงศ์ ชาตรี มอบปัจจัยบำรุงการศึกษาพระภิกษุสามเณร วัดดาวดึงษาราม มอบถุงยังชีพข้าวสารอาหารแห้งแก่ผู้สูงอายุ บ้านโนนกุ่ม อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
สำหรับ สรพงศ์ ชาตรี จากไปแบบไม่มีมีวันกลับ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2565 เสียชีวิตในวัย 73 ปี ด้วยโรคมะเร็ง หลังจากที่รักษาอาการป่วยมานานกว่า 5 ปี .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน