ทนายแก้ว เผยคำพูด บอส – โม ขาดหลักฐาน ต้องพิสูจน์กันต่อ 2 ฝ่ายเล่าหนังคนละม้วน ไม่รู้จะเชื่อใคร

จากกรณีการเปิดใจของ “โม” อดีตแฟนสาวของ “บอส เอวหวาน” แดนเซอร์ชายในวงลูกทุ่งสาว “ลำไย ไหทองคำ” ผ่านรายการโหนกระแสวันนี้ ทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทนได้เดินทางไปรอสัมภาษณ์หลังจบรายการ แต่โมปฎิเสธให้สัมภาษณ์สื่อหลังจบรายการทันที ระบุว่าขอพูดครั้งเดียวในรายการเท่านั้น ก่อนจะเดินทางออกจากสตูดิโอทางช่องทางใต้ดินเพื่อเดินทางกลับบ้านที่ จ.นครสวรรค์ ทันที


ขณะที่ ทนายแก้ว มนต์ชัย เป็นตัวแทนออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังจบรายการ ระบุว่า การออกมาเปิดใจครั้งแรกของโมในวันนี้ เป็นการชี้แจงเรื่องราวของตัวเองกับบอส อดีตแฟนหนุ่ม ไม่ใช่การพูดเพื่อพาดพิงไปถึงบริษัทหรือนักร้องสาวที่ตกเป็นประเด็น รวมไปถึงไม่ได้มีการไปรีดทรัพย์ใคร ซึ่งการชี้แจงของทั้ง 2 ฝ่ายในวันนี้ ในฐานะทนายที่นั่งรับฟังอยู่ ไม่รู้จะเชื่อใคร การออกมาพูดของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นหนังคนละม้วนซึ่งทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้ข้อเท็จจริง ส่วนตัวมองว่าคำพูดของทั้ง 2 ฝ่ายยังขาดหลักฐานที่ออกมายืนยัน ต้องมีการพิสูจน์กันต่อหลังจากนี้ สิ่งหนึ่งที่โมชี้แจงในวันนี้คือการยืนยันว่าไม่เคยเรียกหรือรีดเก็บเงินจากบริษัทหรือจากตัวนักร้องสาว แต่เป็นการเรียกค่าตกใจจากบอสอดีตแฟนหนุ่มเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งบอสก็ได้ตกลงยอมรับประเด็นนี้ไปในรายการแล้วด้วย

ส่วนการที่บอสนำข้อมูลจากการเล่าข่าวผ่านโซเชียลมาใช้เป็นประเด็นเพื่อคาดเดาว่าโมเป็นฝ่ายให้ข่าวกับเพจต่าง ๆ ทนายแก้ว เผยว่า เป็นเรื่องที่แต่ละฝ่ายต้องใช้สามัญสำนึกนิดนึง เพราะบางเพจที่นำมากล่าวถึงอาจจะไม่ได้มีตัวตนที่แน่นอน ส่วนเรื่องสัญญาที่โมได้เซ็นไว้กับทางบริษัทไหทองคำ ทนายคนดังมองว่าเป็นสัญญาที่มีผลผูกขาดทางกฎหมาย สิทธิ์บางส่วนของโมไม่มี โมเป็นผู้ถูกกระทำฝ่ายเดียว และไม่มีการระบุระยะเวลาไว้ ซึ่งเป็นข้อด้อยของโม ในฐานะทนายจึงแนะนำว่าให้โมเตรียมรับมือ หากหลังจากนี้มีการพูดให้อีกฝ่ายเกิดความเสียหายก็ต้องยอมรับโทษไปตามกฎหมาย เพราะในสัญญาระบุไว้แบบนั้น


ทั้งนี้หลังจบรายการโมได้มีการข้อคำแนะนำในการทำสัญญาขึ้นมาเพิ่ม เพื่อทำให้สัญญาระหว่างตนกับบริษัทไหทองคำเป็นประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่าย และทราบมาว่าตอนนี้ฝั่งโมมีทนายเข้ามาดูแลเรื่องนี้แล้ว สำหรับนายห้างประจักษ์ชัย ที่มีการโพสต์เตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโม สูงถึง 100 ล้านบาทนั้น ทนายแก้วมองว่าเป็นสิทธิ์ทางกฎหมาย แต่สุดท้ายก็ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันก่อน เป็นไปได้ที่ตัวเลขที่เรียกฟ้องกับตัวเลขที่ได้จริงจะไม่ตรงกัน.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 32 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม